สนามข่าว 7 สี - ชายแดนตราด ยังดุเดือด กัมพูชาเสริมกำลังและอาวุธ เปิดฉากยิงใส่ไทยไม่หยุด ด้านกองทัพเรือส่งนาวิกโยธิน บุกยึดคืนพื้นที่บ้าน 3 หลัง พร้อมปักธงชาติไทย ยืนยันอธิปไตยของไทยได้สำเร็จ
หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ยอมแลกทุกหยาดเหงื่อและชีวิต บุกยึดคืนพื้นที่อธิปไตยของไทย บริเวณบ้าน 3 หลัง บ้านหนองรี ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด หลังกัมพูชาเสริมกำลังและอาวุธเปิดฉากยิงใส่ไทยไม่หยุด
โดยกองทัพเรือร่วมกับกองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของเมื่อวาน มีการปะทะกันอย่างหนัก กระทั่งเวลา 07.20 น. กองทัพเรือ สามารถควบคุมและยึดพื้นที่ดังกล่าว พร้อมขับไล่กองกำลังฝ่ายตรงข้ามออกจากพื้นที่ได้ทั้งหมด ก่อนปักธงชาติไทย ยืนยันอธิปไตยของไทยได้สำเร็จ
บริเวณบ้านสามหลัง เป็นพื้นที่สำคัญของไทย โดยกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามานานกว่า 40 ปี และยังใช้พื้นที่นี้เป็นฐานปฏิบัติการ ขุดบังเกอร์ และคูเลต เพื่อยิงตอบโต้หรือโจมตีบ้านเรือนและพื้นที่ของคนไทย รวมถึงกำลังทหารไทย ถือเป็นการคุกคามความมั่นคง และละเมิดอธิปไตยของไทยอย่างร้ายแรง
ดังนั้นการตัดสินใจทำลายและยึดคืนพื้นที่จึงเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นไปตามหลักการใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล
กองทัพเรือ ประกาศเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน เวลา 19.00-05.00 น. ในพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดตราด ได้แก่ อำเภอคลองใหญ่ อำเภอบ่อไร่ อำเภอแหลมงอบ อำเภอเขาสมิง และอำเภอเมืองตราด ตั้งแต่ 14 ธันวาคม เป็นต้นไป
ชายจังหวัดสระแก้ว เมื่อวานนี้แม้จะเข้าควบคุมพื้นที่ตามแนวอ้างสิทธิ์ได้ แต่ทหารต้องใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันการเพิ่มกำลังของฝ่ายกัมพูชา ตอบโต้กลับ
เป็นภาพปฏิบัติการ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา กองทัพอากาศ ส่งอากาศยานขับไล่ โจมตีทางอากาศ ทำลายที่ตั้ง และคลังเก็บอาวุธ เครื่องกระสุน รวมถึงระบบสื่อสารป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายกัมพูชา บริเวณตรงข้าม พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน
ช่วงเย็นเมื่อวาน (14 ธ.ค.) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 เผยว่า พื้นที่บ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศ เป็นที่โล่งแจ้ง จึงดำเนินกลยุทธ์โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนควบคุมพื้นที่
เช่นเดียวกับบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง หลังจากกองกำลังบูรพา สามารถยึดครองพื้นที่ตามแนวอ้างสิทธิ์ได้ แต่ต้องใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันฝ่ายกัมพูชา
ตลอดทั้งวันกัมพูชา ตอบโต้ด้วยการยิง BM-21 และปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการสู้รบตั้งแต่ 8-14 ธันวาคม คาดว่าทหารกัมพูชา เสียชีวิต 300 นาย ส่วนกำลังพลฝ่ายไทยบาดเจ็บ 50 นาย และเสียชีวิต 3 นาย
ชายแดนไทยจังหวัดศรีสะเกษ ยังดุเดือด ทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่บ้านเรือนประชาชนต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 1 คน
เป็นภาพขณะทหารไทยเข้าตรวจสอบ บ้านพักในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ หลังเมื่อช่วง 11.50 น.วานนี้ (14 ธ.ค.) กัมพูชาระดมยิงจรวด BM-21 ลงพื้นที่ชุมชน ทำให้บ้านเรือนประชาชนถูกแรงระเบิดเสียหายหลายหลัง และมีชาวบ้านเสียชีวิต 1 คน ชื่อ นายดร อายุ 63 ปี
นอกจากชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว เมื่อวานนี้ยังมีทหารเสียชีวิต 1 นาย เพิ่มเป็นรายที่ 16 คือ สิบเอก อภิสิทธิ์ บุนนาค ตำแหน่งนายสิบพยาบาล สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16 นายสิบประจำสนามรบ ถูกสะเก็ดจรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชาโจมตีอย่างรุนแรง ขณะปฏิบัติหน้าที่ในบังเกอร์ พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์
ชายแดนจังหวัดสุรินทร์ ทหารฝั่งกัมพูชายังระดมยิงปืนใหญ่เป็นชุด ใส่ฝั่งไทยเสียงดังกึกก้องบริเวณปราสาทตาควาย
ฝั่งกัมพูชาระดมยิงจรวด BM-21 เข้ามาฝั่งไทย บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก เป็นระยะ ๆ เสียงลูกกระสุนจรวด BM-21 ลงกระจายตกทั่วบริเวณป่าและพื้นที่พลเรือน โดยฝั่งไทยได้ระดมยิงปืนใหญ่ตอบโต้กลับทันที เมื่อฝั่งกัมพูชายิงเข้ามา
ขณะที่ถนนทางเข้าปราสาทตาควาย เจ้าหน้าที่ห้ามรถทุกชนิดผ่านเข้าไปเด็ดขาด ยกเว้นรถทหารเท่านั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่อันตราย
มีรายงานว่า กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาตกใส่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่อำเภอพนมดงรัก แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาโจมตีแบบไร้ทิศทาง และพุ่งเป้ามาที่บ้านเรือนประชาชน