สรุปภาพรวมสถานกาณ์การปะทะวันที่ 8 กัมพูชายังยิงอาวุธหนักเข้าพื้นที่พลเรือน ขณะที่ กองทัพเรือชี้แจง High Risk Area (HRA) หรือ พื้นที่ความเสี่ยงสูง ไม่ใช่การปิดอ่าว แต่จำกัดเรือสัญชาติไทย ไม่ให้เข้าเข้าพื้นที่เสี่ยงป้องกันการถูกโจมตี ขณะที่ กองทัพบก สรุปภาพรวมทหารเขมรดับแล้วกว่า 500 นาย
15 ธันวาคม 2568 พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้แทนจาก กรมศิลปากร กระทรวงการต่างประเทศ ตำรวจ กองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ ร่วมแถลงสรุปสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงมีความตึงเครียดและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
การปะทะการตั้งแต่ช่วงค่ำวานนี้ ( 14 ธ.ค.68)
19:00 น.กองทัพเรือ เริ่มบังคับใช้เคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดตราด เนื่องจากมีการแทรกซึมของฝ่ายกัมพูชา เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน และกองทัพภาค 2 เริ่มบังคับใช้คำสั่งควบคุมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง และยุทธภัณฑ์ จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก
21.00 น. กัมพูชาเปิดฉากโจมตี โดยใช้โดรนโจมตี รวมทั้งระดมยิง BM-21 และปืน ค. โจมตีใส่ทหารไทยที่เนิน 350 ปราสาทตาควาย
06.43 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากระดมยิงอาวุธหนัก เข้ามาในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ เพื่อป้องกันตนเอง
06.53 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากระดมยิงอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่จังหวัดตราด ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง
พลเรือตรี สุรสันต์ ยังได้กล่าวอีกว่า การบังคับใช้คำสั่งควบคุมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง และยุทธภัณฑ์ จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก อาจจะทำให้ชาว สปป.ลาว ได้รับผลกระทบ ไทยไม่มีเจตนารมย์ สร้างผลกระทบให้กับพี่น้อง สปป.ลาว เพราะเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์เฉพาะ 2 ประเทศ คือ ไทย-กัมพูชาเท่านั้น ประเทศอื่น ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องขออภัยพี่น้องชาว สปป.ลาว ที่อาจจะได้รับผลกระทบ เราพยายามที่จะดำเนินการในมาตรการนี้ให้รวดเร็ว และมีผลกระทบน้อยที่สุดต่อพี่น้อง สปป.ลาว
ทางด้าน นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ยืนยัน เรื่องการบูรณะโบราณสถาณต่าง ๆ รวมไปถึงปราสาทตาควาย ไม่เกินความสามารถของกรมศิลปากรในการบูรณะแน่นอน แต่กรมศิลปากร มีอำนาจที่จะบูรณะโบราณสถานได้เฉพาะโบราณที่อยู่ในอาเขตประเทศไทยเท่านั้น หากแผ่นดินที่ตั้งปราสาท หรือโบราณสถาณต่าง ๆ ตกไปอยู่กับกัมพูชา เราจะไม่มีวันได้แตะต้อง หรือ บูรณะ โบราณสถาณต่างๆเหล่านี้ได้อีกเลย เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญ คือ การรักษาผืนแผ่นดิน อันเป็นที่ตั้งของปราสาทเหล่านี้เอาไว้ ตราบใดที่แผ่นดินยังเป็นของไทย ตนเองเชื่อมั่นว่า หลังจากเหตุการณ์สงบยังสามารถบูรณะหรือฟื้นฟูได้ดังเดิม หรือ อาจจะมากกว่าเดิม
ขณะที่ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนว่า กองทัพกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ใช้ปราสาทต่างๆตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร ไทยมีทางเลือกเดียวที่จะต้องใช้สิทธิในการปกป้องตนเอง ดังนั้น การกระทำดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชาถือเป็นการละเมิดอนุสัญญา ประเทศไทย ขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการใช้พื้นที่โบราณสถาน เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร และยุติการบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้
สำหรับปฏิบัติการทางทหาร ทั้งกองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ สรุปภาพรวมดังนี้
สำหรับกองทัพบก พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. ระบุว่า ปัจจุบันพบว่าทหารกัมพูชามีการโจมตีในพื้นที่พลเรือนต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ และมีการสูญเสียชีวิต จนกระทั่ง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ออกประกาศให้ประชาชนที่ไม่มีความจำเป็น ไม่ต้องกลับเข้าไปในพื้นที่ที่มีการปะทะโดยเด็ดขาด จะอนุญาตเฉพาะ ชรป.ที่จะเข้าไปดูแลพื้นที่ นี่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจากการพิสูจน์ทราบ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งข้อมูลด้านการข่าว หรือ ทางอื่นมีแนวโน้มว่า กัมพูชาจะไม่หยุดใช้ยุทธวิธีนี้ เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน ขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ ที่พบการโจมตีเข้ามาอย่างบ่อยครั้ง ขอให้ทำตามคำแนะนำของทางส่วนราชการ
ขณะที่ ภาพรวมการปฎิบัติการทางทหาร ทั้งกองทัพภาคที่ 1 และ กองทัพภาคที่ 2 พื้นที่ที่มีการควบคุม ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยังสามารถยึดรักษาพื้นที่นั้นไว้ได้ และที่สำคัญฝ่ายกัมพูชาพยายามโจมตีเข้ามาในพื้นที่ที่ฝ่ายไทยยึดได้อย่างหนักหน่วง โดยการใช้ BM-21 และโดรนพลีชีพต่อเนื่อง
ประมาณการสูญเสียของฝ่ายกัมพูชา ที่มีการรวบรวมตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการ ทั้งในส่วนกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ประมาณการการสูญเสียฐานที่มั่นต่างๆทางทหาร โดยฝ่ายไทยทำลายฐานที่มั่นที่ตั้งทหากัมพูชา 82 แห่ง , ทำลาย BM-21 จำนวน 1 ระบบ , ทำลายรถถัง 12 คัน , ทำลายยานรถยานเกราะ 10 คัน , ทำลาย ปตอ.4 ระบบ , ทำลายปืนใหญ่/ปืน ค. 7 กระบอก , ทำลายแอนตีโดรน 5 จุด , ทำลายโดรน 175 ลำ , ทำลายเสาสื่อสาร 5 จุด และ ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 505 นาย
สำหรับกองทัพอากาศ นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า ที่ผ่านมากัมพูชา มีการใช้อาวุธต่อเป้าหมาย โดยที่ไม่เลือกฝ่าย กองทัพเรือพิจารณาแล้วว่า หากเรือสัญชาติไทยหากเข้าไปในพื้นที่ มีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากทางกัมพูชา จึงพิจารณาเสนอให้มีการออกประกาศ High Risk Area (HRA) หรือ พื้นที่ความเสี่ยงสูง เพื่อเป็นการจำกัดการเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงของเรือสัญชาติไทย
ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่า พื้นที่ความเสี่ยงภัยสูง ไม่ใช่เรื่องของการบล็อกเขต หรือ การปิดอ่าว ซึ่งการปิดอ่าว หรือบล็อกเขต จะเป็นการจัดการในช่วงภาวะสงครามขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบในวงกว้าง โดยการห้ามเข้า-ออกของเรือทุกชนิด ทุกประเภทของทุกชาติในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการประกาศปิดอ่าว จะกระทบต่อเรือของชาติอื่น ๆ ชาติที่ 3 ซึ่งในการปฏิบัติการครั้งนี้ของไทยกับกัมพูชา เป็นความขัดแย้งของแค่ 2 ประเทศ เราจะทำทุกอย่างที่ไม่ให้กระทบต่อประเทศที่ 3
เพราะฉะนั้น ขอให้หลีกเลี่ยงใช้คำว่า ปิดอ่าว หรือ บล็อกเขต จะเป็นแค่พื้นที่ความเสี่ยงสูง จะมีผลบังคับใช้กับเรือที่เป็นเรือสัญชาติไทย เพื่อผลการปฏิบัติการ เราจะจำกัดการลำเลียงยุทธปัจจัย รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงจากไทยไปยังกัมพูชา เน้นย้ำจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อตัดและลดทอนขีดความสามารถการปฎิบัติการรบของทางกัมพูชา
สำหรับพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า จากกรณีกรณีที่มีการแจ้งเตือนผ่านเพจ Facebook สภ.พลกรัง จ.นครราชสีมา เกี่ยวกับจะมีชาวต่างชาติเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ และขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาในการสังเกต ขอเรียนว่าเรื่องนี้เกิดจากการประชุมหน่วยงานความมั่นคงทางการข่าว กับภูธรจังหวัดนครราชสี มาปรากฏข้อมูลและแจ้งเตือนไปยังโรงพักในสังกัด ภูธรจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งแต่ละโรงพักก็ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ จึงขอให้ประชาชน ฝากเป็นหูเป็นตาตรวจสอบสังเกตบุคคล หรือ กลุ่มบุคคล หรือ ยานพาหนะ หรือ โดรนหากพบเห็นขอให้รีบแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
ตำรวจยืนยันเรื่องการคัดกรองคนเข้าประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ สนามบินนานาชาติ ทั้ง 5 แห่งของไทย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้น
สำหรับกองทัพอากาศ พลอากาศโทจักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ระบุว่า กรณีที่กัมพูชา อ้างว่าเป้าหมายที่เครื่องบินรบโจมตี เป็นโรงแรมที่พักนั่นเป็นการดิสเครดิต การโจมตีทางอากาศของฝ่ายไทย ยืนยันว่าเป้าหมายที่โจมตีทั้งหมดเป็นเป้าหมายทางทหารทั้งสิ้น การปฏิบัติการของกองทัพอากาศ อยู่บนพื้นฐานที่โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงว่าปฏิบัติการ เพื่อปกป้องเอกราชอธิปไตยบนพื้นฐานของมนุษยธรรม ขอยืนยันทุกภาคส่วนว่าเราไม่มีความต้องการที่จะให้ส่งผลกระทบกับพลเรือนทั้งไทยและกัมพูชา