ครอบครัว “จ่าเริง” 1 ในทหารกล้า ที่พลีชีพที่เนิน 350 ร่ำไห้ปิ่มขาดใจ เผยครั้งสุดท้าย โทรมาบอก “ผมทำสำเร็จแล้ว ! ยึดตาควายได้แล้ว เป้าหมายเนิน 350” และทิ้งท้ายว่า “สนามรบจริง โหดร้ายกว่าในข่าว”
จากสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่มีการปะทะต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวานนี้ ( 16 ธ.ค.68 ) ทหารไทยต้องพลีชีพเพิ่มอีก 2 นาย บนสมรภูมิเนิน 350 ระหว่างการปะทะอย่างดุเดือดกับทหารกัมพูชา ขณะเข้ายึดคืนพื้นที่อธิปไตยของไทย คือจ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน หรือจ่าเริง และพลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา สังกัด ร.23 พัน 3 ทำให้ขณะนี้ทหารไทย เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดน เพิ่มเป็น 19 นาย
ล่าสุดวันนี้ ( 17 ธ.ค.68 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเกิดของ “จ่าเริง” ทหารกล้า ชาวอำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ พบว่า ครอบครัวเริ่มกางเต็นท์ เตรียมสถานที่จัดงานศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะแม่ และพี่สาว ที่ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียเสาหลักของครอบครัว
นางอุ่น คลังประโคน อายุ 79 ปี มารดาของ “จ่าเริง” เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ระหว่างเกิดการสู้รบ ลูกชายเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ จึงขอให้ไปพักอยู่ที่วัดก่อน และบอกว่าจะกลับมาหาแม่เร็ว ๆ แต่สถานการณ์การรบยืดเยื้อ และทวีความรุนแรง จนกระทั่งได้รับข่าวร้ายว่าลูกชายได้จากไป แม้หัวใจจะแตกสลาย แต่ผู้เป็นแม่ กล่าวด้วยความภูมิใจว่า “แม่เสียใจมาก แต่ก็ภูมิใจที่ลูกได้ทำหน้าที่ของทหาร ปกป้องผืนแผ่นดินไทย แม้ในนาทีสุดท้ายของชีวิต”
ด้าน นางสาวชงโค คลังประโคน อายุ 48 ปี พี่สาวของจ่าเริง กล่าวว่า น้องชายสมัครเป็นทหารด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ถูกเกณฑ์ โดยตั้งใจอยากรับใช้ชาติในพื้นที่เสี่ยงเช่นภาคใต้ แม้ไม่ถูกส่งไปตามความตั้งใจแรกแต่น้องชายภูมิใจที่ได้เข้าไปรบที่ชายแดนนี้ ครั้งสุดท้ายที่น้องโทรมาแจ้งว่า “ผมทำสำเร็จแล้ว ! ยึดปราสาทตาควายได้แล้ว เป้าหมายหน้าคือเนิน 350 จะต้องทำให้ได้” น้องชายยังเล่าอีกว่า สถานการณ์การรบจริง โหดร้ายกว่าในข่าวที่ออกสื่อทางทีวี แต่ไม่กลัวจะทำให้ดีที่สุด
“ครั้งนี้ถือว่าน้องชายได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่า อยากให้การสูญเสียครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ไม่อยากให้มีศพใครเพิ่มอีก ความสูญเสียแบบนี้ ไม่มีอะไรชดเชยได้เลย สภาพจิตใจครอบครัวแย่มาก ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปลอดภัย และผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้” นางสาวชงโค กล่าว