ห้องข่าวภาคเที่ยง - เมื่อวานเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารที่ฝั่งปอยเปต สร้างความแตกตื่นทั้งคนกัมพูชา และคนไทยที่ไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ สาเหตุมาจากหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ไม่ได้เป็นการถูกโจมตีแต่อย่างใด
เกิดเหตุระทึกขึ้นที่บริเวณตลาดน้ำพุ ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งติดกับด่านชายแดนบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว และเกิดเพลิงไหม้ที่อาคารแห่งหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตึกแซนพาเลซ หรือตึกเหลือง สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง จนบางคนเข้าใจไปว่ามีการโจมตีเกิดขึ้น
เพราะตอนนั้นพบมีโดรนบินอยู่เหนือพื้นที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นโดรนของใคร จนเจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง และตรวจสอบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ต่อมา หลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เมื่อตรวจสอบจึงรู้สาเหตุว่ามาจากหม้อแปลงระเบิด จนทำให้เกิดเพลิงไหม้อาคารดังกล่าว ไม่มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำเอาทั้งคนกัมพูชา และคนไทยที่ตกค้างอยู่ที่นั่น ตกอกตกใจกันยกใหญ่
ขณะที่ คุณเบิร์ด เจ้าหน้าที่ศูนย์อิมมานูเอล หรือ IMF ภาคตะวันออก ก็ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นเกี่ยวกับการที่จะช่วยเหลือคนไทยที่ตกค้างอยู่ในฝั่งกัมพูชา ที่ไม่สามารถเดินทางกลับได้ ว่าการจะนำเครื่องบินไปรับคนไทย อาจไม่ตอบโจทย์ในการช่วยเหลือ เพราะมีเงื่อนไขอยู่ว่า คนที่จะเดินทางกลับด้วยเครื่องบิน สำคัญคือ หนังสือเดินทางต้องไม่ขาดอายุ ต้องไม่อยู่เกินกำหนด ซึ่งคนไทยที่ไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย น่าจะเดินทางกลับมาได้เอง จึงต้องตั้งคำถามว่า ถ้าใครไม่มีหนังสือเดินทาง หรือหนังสือเดินทางมีปัญหา หรือเข้ากัมพูชาผิดกฎหมาย จะทำยังอย่างไร
นี่ยังไม่นับเรื่องที่มีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่กัมพูชาจ้องสกัดไม่ให้คนไทยเดินทางกลับง่าย ๆ เพราะมีข้อมูลว่า มีเจ้าหน้าที่ดักจับรีดไถเงิน จึงฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาถึงหลักความเป็นจริง เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
