ACT ส่งสัญญาณเตือน สธ. หวั่นเกิดการทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์แพทย์กระตุ้นระบบประสาท “TMS คอยด์คู่” กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ คาดมีการจัดซื้อทั่วประเทศ 134 เครื่อง วงเงินกว่า 603 ล้านบาท “ผอ.รพ.” นับร้อย เสี่ยงถูกไต่สวน หรือดำเนินคดีไม่ต่างจากคดีสนามฟุตซอล
คณะทำงาน ACTAi ได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดี ช่วยตรวจสอบการจัดซื้อครุภัณฑ์แพทย์ รายการ “เครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อวินิจฉัยและรักษาระบบประสาทแบบคอยด์คู่” (Transcrantial Magnotic Stimulation System หรือ TMS) ซึ่งเป็นงบประมาณปี 2569 กระทรวงสาธารณสุข ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) จำนวน 134 เครื่อง กำหนดงบประมาณการจัดซื้อเท่ากับราคากลางไว้เครื่องละ 4.5 ล้านบาท คิดเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 603 ล้านบาท
ผลจากการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบ ACTAi ล่าสุด พบว่า มีจำนวน 27 แห่ง ที่ได้ประกาศแผนการจัดซื้อเครื่อง TMS แบบคอยด์คู่ในระบบกรมบัญชีกลาง ในจำนวนนี้มี 12 แห่ง ที่ดำเนินการจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวจริง โดยแต่ละโรงพยาบาลจะมีสถานะการจัดซื้อแตกต่างกัน ตั้งแต่การประกาศเชิญชวน การจัดทำสัญญา การอนุมัติสั่งซื้อ การประกาศชื่อบริษัทที่ชนะและการทำสัญญากับบริษัทที่ชนะซึ่งทยอยแสดงผลต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1) รพ.นครปฐม 2) รพ.ปราสาท จงบุรีรัมย์ 3) รพ.แม่สอด 4) รพ.ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ 5) รพ.กระบี่ 6) รพ.เลย 7) รพ.พระปกเกล้า 8) รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ 9) รพ.สมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร 10) รพ.พระนั่งเกล้า ส่วนอีก 2 โรงพยาบาลได้ประกาศยกเลิกการจัดซื้อ ได้แก่ 11) รพ.ขอนแก่น (ยกเลิกเมื่อ 21 ต.ค.2568) และ 12) รพ.บึงกาฬ (ยกเลิกเมื่อ 15 ธ.ค.2568)
ทั้งนี้ ในจำนวน 10 แห่ง ที่ดำเนินการจัดซื้อนั้น ปรากฏว่า บริษัทเสนอราคารายที่ชนะเกือบทั้งหมด ได้เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเพียง 5,000-20,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.11-0.44 เท่านั้น ยกเว้นที่เดียวคือ “รพ.พระปกเกล้า” ได้ทำสัญญาจัดซื้อกับบริษัทที่ชนะการนำเสนอราคาที่ 1.95 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลางมากถึง 2.55 ล้านบาท อันเป็นที่มาของการตั้งคำถาม ถึงความไม่ชอบมาพากลในการกำหนดราคากลางว่าน่าจะสูงกว่าราคาตลาดเกินครึ่ง และหวั่นว่า โครงการนี้ส่อเค้าทุจริตและหากเป็นเช่นนั้นจริง คาดว่าจะมีเงินทอนจากการจัดซื้อต่อเครื่องสูงถึง 2.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 341 ล้านบาทสำหรับประมาณการจัดซื้อทั่วประเทศ 134 เครื่อง
อีกทั้งยังพบข้อคลาดเคลื่อนของ “รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ” หรือสเปกครุภัณฑ์ จึงส่งผลให้ “รพ.ขอนแก่น” ประกาศยกเลิกการจัดซื้อโครงการนี้ โดยให้ข้อมูลไว้ในระบบว่า “เนื่องจากจังหวัดขอนแก่น พบข้อคลาดเคลื่อนของรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์การแพทย์ฯ ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งหากดำเนินการจัดซื้อต่อไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ..”
นอกจากนี้ยังข้อมูลที่น่าสนใจว่า การจัดหาเครื่องมือในลักษณะเดียวกัน โดยโรงพยาบาลที่ไม่สังกัดกระทรวงสาธารณสุขกลับจัดหาด้วยวิธีการเช่า เช่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เช่าเครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จำนวน 1 เครื่อง (ปีงบประมาณ 2568-2572) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ด้วยราคาค่าเช่ารวม 5 ปี เพียง 3.64 ล้านบาท
หรือกรณีของโรงพยาบาลสิรินธรได้จัดซื้อเครื่องกระตุ้นระบบประสาทส่วนปลายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า1 เครื่อง ด้วยงบประมาณเพียง 7.5 แสนบาท ขณะที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศได้จัดซื้อเครื่องมือนี้เป็นงบประมาณสูงถึง 1.5 ล้านบาทในช่วงปีงบประมาณ 2567-2568
นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า หลายท่านเป็นห่วงว่า การจัดซื้อครั้งนี้ อาจทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนับร้อยถูกไต่สวน หรือดำเนินคดี ไม่ต่างจากคดีฟุตซอล
สำหรับเครื่อง “เครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อวินิจฉัยและรักษาระบบประสาทแบบคอยด์คู่” (Transcrantial Magnotic Stimulation System หรือ TMS) นั้น ในเชิงเทคนิคใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรคหลอดเลือดสมอง ฟื้นฟูอัมพฤกษ์อัมพาต, ไมเกรน, OCD, พาร์กินสัน และอาการปวดเรื้อรัง ฯลฯ ในประเทศไทยจะมีบริษัทที่เป็นผู้นำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ประเภทนี้จำนวนหนึ่ง ทั้งบริษัทคนไทยและบริษัทร่วมทุนจีน