ดีเดย์ 1 ม.ค.69 เก็บภาษีนำเข้าสินค้าออนไลน์ตั้งแต่บาทแรก กรมศุลฯ หวังดันรายได้เพิ่ม 3 พันล้านบาท

ดีเดย์ 1 ม.ค.69 เก็บภาษีนำเข้าสินค้าออนไลน์ตั้งแต่บาทแรก กรมศุลฯ หวังดันรายได้เพิ่ม 3 พันล้านบาท

View icon 39
วันที่ 22 ธ.ค. 2568 | 19.02 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (22 ธ.ค. 68) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือในการกำกับดูแลและปราบปรามการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย และสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ร่วมกับ 5 แพลตฟอร์มออนไลน์ ว่ากรอบความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 มิติ ได้แก่

1. ด้านการแข่งขันทางการค้าอย่างเป็นธรรม ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูลรายการชนิดสินค้า ปริมาณสินค้า และมูลค่าสินค้า เพื่อใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการศุลกากร จะช่วยสนับสนุนให้การตรวจสอบสินค้ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

2. ด้านการปกป้องสังคม โดยการกำหนดกลไกความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อป้องกันการจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย และสินค้าไม่ได้มาตรฐาน

3. ด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐ โดยความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่จำหน่าย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดเก็บรายได้ ทำให้การจัดเก็บภาษีอากรเป็นไปอย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงการคลัง เร่งผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม คือ การปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำ โดยให้จัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.69 แทนการยกเว้นอากรสำหรับของนำเข้ามูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท

ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นราว 3,000 ล้านบาท และยังเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการไทยที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ไม่ต้องแข่งขันบนเงื่อนไขที่เสียเปรียบ ซึ่งจากข้อมูลในปีที่ผ่านมา พบว่ามีการนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท สูงถึงประมาณ 30,000 ล้านบาท หรือราว 150-160 ล้านชิ้น

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า วิธีการจัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไปนั้น ในเบื้องต้น ทุกแพลตฟอร์มจะมีการกำหนดราคาสินค้าที่รวมกับภาษีอากรในส่วนนี้ไว้อยู่แล้ว ทำให้การดำเนินการส่งสินค้าจึงยังเหมือนเดิม คือวางสินค้าไว้ที่หน้าบ้าน ยกเว้นที่ส่งผ่านไปรณีย์ไทยเท่านั้น ที่จะต้องเสียภาษีขณะนำส่งสินค้า

โดยสินค้านำเข้า จะถูกจัดเก็บภาษีตามพิกัดของประเภทสินค้านั้น ๆ ซึ่งอัตราภาษีสูงสุดอาจถึง 30%ของอัตราอากรขาเข้า เช่น กลุ่มสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า ส่วนกลุ่มกระเป๋า อากรจะอยู่ที่ประมาณ 20%

สำหรับแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ ในปีงบประมาณ 2569 นั้น คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนหนึ่งมาจากการจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้นราว 3,000 ล้านบาท จากมาตรการจัดเก็บอากรสำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ขณะที่การจัดเก็บอากรจากสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ เครื่องสำอาง เครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการจัดเก็บรายได้จากการนำเข้ารถยนต์ที่ลดลงเช่นเดียวกัน

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจไม่ดี ส่งผลให้คนซื้อรถหรูลดลง ขณะเดียวกันมีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี (FTA) ด้วย ดังนั้น ภายหลังจากมีรัฐบาลใหม่แล้ว อาจจะต้องมีการหารือเพื่อหาแนวทางในการบริหารจัดการการจัดเก็บรายได้ใหม่ ๆ เพื่อมาชดเชยในส่วนนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง