วันนี้ (23 ธ.ค. 68) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกันจับกุม นายนพพล อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีธนาคารของตนโดยรู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิด”
โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ศปอศ.ตร.) ได้ตรวจพบขบวนการมิจฉาชีพที่สร้างแพลตฟอร์มหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนจำหน่ายสินค้า โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง ในช่วงแรกมิจฉาชีพจะจ่ายผลตอบแทนจริงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะชักชวนให้ลงทุนด้วยเงินจำนวนมากขึ้น และเมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ ก็จะตัดการติดต่อและหลบหนีไป สร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก
จากการสืบสวนขยายผลร่วมกับ สภ.คลองหลวง พบว่าเงินของผู้เสียหายหลายรายถูกโอนเข้าไปยังบัญชีธนาคารของนายนพพล ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งบัญชีดังกล่าวถูกใช้เป็นเส้นทางฟอกเงิน โดยจะมีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีของชาวจีนซึ่งเป็นสมาชิกร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกทอดหนึ่ง ก่อนจะถูกเบิกถอนออกไป
โดยเครือข่ายนี้มีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท จากการตรวจสอบบัญชีของนายนพพล พบว่าหลังจากเปิดบัญชีได้เพียงวันเดียว ก็มียอดเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายโอนเข้ามาสูงถึง 320,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
จากการสอบสวน นายนพพล ให้การว่า ตนได้หางานผ่านทางเฟซบุ๊ก และได้รับการติดต่อว่าจ้างจากเครือข่ายดังกล่าว โดยมีรถมารับตนจากบ้านเกิดที่ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อไปเปิดบัญชีธนาคารหลายแห่ง จากนั้นถูกพาตัวไปพักที่รีสอร์ทใน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ก่อนจะลักลอบข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติไปยังอาคารแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา
ซึ่งที่นั่นตนถูกบังคับให้สแกนใบหน้าเพื่อใช้ในการทำธุรกรรมเป็นเวลา 3 วัน ก่อนจะถูกส่งตัวกลับประเทศไทย โดยถูกยึดโทรศัพท์และเอกสารส่วนตัวไว้ทั้งหมด และหลังจากกลับมาถึงประเทศไทยได้ไม่นานก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
