สนามข่าว 7 สี - ภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และ 2 ยังยิงปะทะต่อเนื่อง แต่ที่น่าเป็นห่วง กัมพูชาพยายามกลับมาเปิดแนวรบภูมะเขือ-ห้วยตามาเรีย
พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา เป้าหมายหลัก คือ ยึดคืนเขตพื้นที่ของไทย 3 จุด บ้านคลองแผง บ้านหนองหญ้าแก้ว และ บ้านหนองจาน
ปัจจุบันปฏิบัติการยังทำอย่างต่อเนื่อง เพราะกัมพูชาพยายามยิงโต้ตอบเพื่อยึดคืนพื้นที่กลับไป โดยเป้าหมายเน้นโจมตีพื้นที่พลเรือน ตั้งแต่ 8-23 ธันวาคม 2568 บ้านเรือนเสียหาย 14 หลัง พบกระสุนตก 200 นัด และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ
ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ในภาพรวมสามารถควบคุมได้แล้ว ทหารในพื้นที่พยายามเร่งรัดสถาปนาความมั่นคงและเชิญธงชาติไทย เนื่องจากกัมพูชาพยายามจะตีโต้ตอบกลับคืนมาในพื้นที่สำคัญ คือ ภูมะเขือ-ห้วยตามาเรีย ปราสาทตาควาย และ ปราสาทตาเมือน
เพจ thaiarmedforce วิเคราะห์กรณี ทำไมกัมพูชาถึงกลับมาเปิดการรุกที่ห้วยตามาเรีย เพราะเป็นร่องน้ำที่ไหลระหว่างภูมะเขือกับเขาพระวิหารลงไปที่ช่องคานม้า ผ่านวัดแก้วสิกขาคีรี ซึ่งจุดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่เคยได้ยินกันมาตั้งแต่อดีต ตรงนี้ทหารกัมพูชายึดครองอยู่ในฐานะส่วนหนึ่งของการวางกำลังบนปราสาทพระวิหารและภูมะเขือ
แต่พอไทยสามารถยึดภูมะเขือกลับคืนมาได้ ทำให้สมการวางกำลังของกัมพูชาเปลี่ยนไป หรือเท่ากับว่ากัมพูชาเสียอิทธิพลในการควบคุมพื้นที่แถบนี้เกือบหมด เพราะไทยยึดจุดที่ได้เปรียบในทางยุทธวิธีเอาไว้ได้ กัมพูชาจึงต้องถอนตัวออกไปค่อนข้างไกล ซึ่งกรณีนี้ไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นบนเนิน 677 หรือเนิน 350
ทำให้กัมพูชาอยากจะยึดบางพื้นที่กลับคืนมาบ้าง เพื่อให้มีผลงานเคลมกับประชาชน แม้จะเป็นชัยชนะเล็ก ๆ บนความพ่ายแพ้ใหญ่ก็ตาม ดังนั้น กัมพูชาเลือกจุดที่สามารถรวบรวมกำลังให้เป็นกำลังขนาดใหญ่ เพื่อรวมอำนาจการยิงเข้ามาในจุดเดียวได้ นั่นคือ พลาญหินแปดก้อน ภูมะเขือ และ ห้วยตามาเรีย เพราะคิดว่ามีพื้นที่ได้เปรียบอยู่จุดเดียว และเป็นพื้นที่ที่ไทยไม่เข้าไปยึดครองแน่นอน คือ ปราสาทพระวิหาร
นอกจากนั้น กัมพูชายังควบคุมพื้นที่ในช่องคานม้าและห้วยตามาเรียเอาไว้ได้บางส่วน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการรุก ถ้ากัมพูชาสามารถยึดคืนภูมะเขือได้ อิทธิพลทางทหารก็จะกลับมาสู่กัมพูชา