วันนี้ (24 ธ.ค. 68) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม น.ส.ชัชชญา อายุ 24 เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี ที่ 1116/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ในความผิดฐาน “ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตมาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง
โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใดหรือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้ค้นหาข้อมูลการลงทุนผ่านเฟซบุ๊กและพบเพจหนึ่งซึ่งโพสต์ชักชวนลงทุนในลักษณะสาธารณะ อ้างให้ผลตอบแทนดี ผู้เสียหายเกิดความสนใจจึงกดลิงก์แอดไลน์ตามที่โพสต์ไว้ และได้พูดคุยกับไลน์ผู้ต้องหา ซึ่งอ้างตัวเป็นโบรกเกอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทย
ภายหลังการพูดคุยคนร้ายได้ชักชวนให้ผู้เสียหายโอนเงิน เพื่อร่วมลงทุนเทรดหุ้นทองคำ โดยอ้างว่าเป็นเงินลงทุนและค่าพาเทรด ผู้เสียหายหลงเชื่อและทยอยโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตนไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ ตามที่คนร้ายแจ้ง รวมทั้งสิ้น 8 ครั้ง ภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน เป็นเงินรวมกว่า 1.48 ล้านบาท ต่อมาคนร้ายได้แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มเติมในลักษณะเป็น “ค่าภาษีจากการลงทุน”
พร้อมกำชับให้ระบุในสลิปการโอนเงินว่าเป็น “ค่าภาษี VAT 22%” ซึ่งเป็นอัตราภาษีที่ผิดปกติและไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ผู้เสียหายเริ่มสงสัยและเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงยุติการโอนเงิน และรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ต่อมาจากการสืบสวนและสอบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายหลังจากได้รับโอนเงินจากผู้เสียหายแล้วได้มีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ ซึ่งรวมถึงผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหานี้ไว้แล้ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหา ได้หลบหนีมาทำงานอยู่บริเวณ หมู่ 8 ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบก่อนพบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ก่อนแสดงตัวเข้าจับกุม ส่ง พงส.สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป