เช้านี้ที่หมอชิต - ตามคดีแม่แท้ ๆ ลวงลูกสาว อายุ 12 ขวบ บังคับทำงานนวดแผนไทยแฝงค้าบริการทางเพศ ที่ประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้ "แม่" ถูกคุมตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยแล้ว ส่วน "เด็กหญิง" อยู่ที่ญี่ปุ่น ยังอยู่ระหว่างรอการช่วยเหลือพาตัวกลับมา
เป็นภาพขณะที่ ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ บก.ปคม. รับตัว นางสาวลักษณา อายุ 29 ปี แม่แท้ ๆ ที่ลวงลูกสาวอายุแค่ 12 ขวบ ไปทำงานนวดแผนไทยแล้วแฝงค้าบริการทางเพศ ที่ญี่ปุ่น กลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ย้อนพฤติการณ์ของ "แม่" เรื่องแดงเมื่อเดือนมิถุนายน ได้มาหลอกยายที่ช่วยดูแลหลานว่าจะให้ไปช่วยเลี้ยงดูน้องเพิ่งคลอด ที่ญี่ปุ่น แต่หลอกไปบังคับทำงานนวดแผนไทย ที่แฝงค้าบริการทางเพศ
แล้วอีกเดือนต่อมา "แม่" ก็พาน้องที่เพิ่งเกิด กลับมาฝากยายเลี้ยงที่ไทย บอกกับลูกว่าเดี๋ยวจะไปรับกลับ ระหว่างนั้นให้ช่วยทำงานหาเงินไปก่อน ซึ่งเงินที่ "เด็กหญิง" ได้จากการทำงาน ก็โอนเข้าบัญชีแม่ ผิดกฎหมายชัดเจน แสวงหาผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์
ถึงเดือนสิงหาคม เด็กหญิงเริ่มทำงานที่เดิมต่อไปไม่ไหวเลยลาออกจากร้าน พอแม่รู้ก็ขู่ว่า "ถ้าไม่ทำงาน ครอบครัวจะไม่มีกิน" ให้ลูกไปทำงานกับร้านอื่นที่อยู่นอกเมืองโตเกียว
จนสุดท้าย "เด็กหญิง" คิดได้ว่า แม่คงไม่มารับแน่ ๆ เลยไปขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น นำมาซึ่งการบุกจับร้านนวดแฝงการค้าประเวณี กลายเป็นข่าวใหญ่ทั้งของไทย และญี่ปุ่น
ส่วน นางสาวลักษณา สุดท้ายก็ไม่ได้กลับไปหาลูก เพราะข้ามไปค้าบริการต่อที่ "ไต้หวัน" แล้วถูกตำรวจจับกุม เพราะอยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ก่อนที่ตำรวจไทยจะประสานขอรับตัวกลับมาดำเนินคดี เมื่อได้ตัวมาสอบสวน นางสาวลักษณาปฏิเสธทุกข้อหา อ้างว่าที่ทำไปเพราะไม่รู้กฎหมาย และยากจน
มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พา "ป้า" กับ "ยาย" ของเด็กหญิงมาเยี่ยม "แม่" ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ผู้เป็นป้า เล่าว่า ได้เข้าเยี่ยมประมาณ 5 นาที ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก ได้แค่กอดกันร้องไห้ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกโกรธ และเสียใจ ที่พาหลานไปบังคับทำงานแบบนี้
ตอนนี้ มีประเด็นอยู่ว่าจะช่วยพา "เด็กหญิง" กลับไทยมาอย่างไร เพราะครอบครัวฐานะยากจนจริง ทาง "นางปวีณา" บอกว่า ตามกฎกระทรวงแล้ว ครอบครัวจะต้องทำสัญญากู้ยืมเงินจากกระทรวง พม. ส่วนสุดท้ายจะต้องจ่ายเงินส่วนนี้ หรือไม่ ก็ต้องรอการหารือ เพื่อเจรจาหาทางช่วยเหลือกันอีกครั้ง
สำหรับเด็กหญิง ตอนนี้ ก็ยังอยู่ในความดูแลของญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ พม.ของไทยเดินทางไปประสาน เพื่อหาทางช่วยเหลือพาเด็กหญิงกลับมาไทยต่อไปแล้ว