วันนี้ (26 ธ.ค. 68) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม นายอธิคม อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ และหมายจับของศาลอาญามีนบุรี รวม 2 หมายจับ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณริมถนนแม่น้ำแม่กรอง ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นพนักงานออฟฟิศหญิงรายหนึ่ง ซึ่งมีความประสงค์ต้องการหารายได้เสริมเพื่อนำไปลงทุนในกิจการส่วนตัว ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว หลังจากถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงิน
โดยคนร้ายได้ใช้วิธีการโทรศัพท์มาชักชวนให้ทำงานออนไลน์ ด้วยการคีย์ยอดราคาสินค้าตามลิงก์ที่ส่งให้ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ อ้างว่าเป็นการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัท และจะได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชันประมาณ 5-20 เปอร์เซ็นต์ต่อลิงก์ ในช่วงแรกผู้เสียหายหลงเชื่อและได้ทำการคีย์ราคาสินค้าไปหลายรายการ และได้รับค่าตอบแทนกลับมาจริง ทำให้เกิดความไว้วางใจ
ต่อมาคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายคีย์ราคาสินค้าในยอดที่สูงขึ้น ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาท แต่หลังจากนั้นกลับไม่ได้รับเงินค่าตอบแทน โดยแอดมินอ้างว่าผู้เสียหายทำผิดเงื่อนไข คือการใส่ราคาสินค้าผิด ทำให้เกิดความเสียหายแก่ลูกค้าของบริษัท และแจ้งว่าผู้เสียหายจะต้องโอนเงินตามจำนวนราคาสินค้าที่ใส่ผิดเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดก่อน ระบบจึงจะกลับมาใช้งานได้ปกติและจะสามารถถอนเงินทั้งหมดคืนได้
เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไป คนร้ายก็อ้างว่าทำผิดเงื่อนไขซ้ำอีกหลายครั้ง จนผู้เสียหายต้องโอนเงินไปเรื่อย ๆ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 300,000 บาท แต่ก็ยังไม่สามารถถอนเงินคืนได้ ผู้เสียหายจึงตระหนักได้ว่าตนเองถูกหลอกลวง และได้แจ้งกับแอดมินว่าจะเข้าแจ้งความดำเนินคดี แต่กลับถูกแอดมินปิดช่องทางการติดต่อหนีไปในที่สุด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.5 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายอธิคม ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีม้าที่คนร้ายใช้รับโอนเงิน ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่กับญาติในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จึงได้วางแผนนำกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมตัวได้ดังกล่าว ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.จักรวรรดิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองติดยาเสพติดและมีประวัติการเสพยาในพื้นที่ จึงได้เปิดบัญชีธนาคารจำนวน 4 บัญชี เพื่อขายให้กับคนร้ายในราคาบัญชีละ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 4,000 บาท โดยนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายส่วนตัวและซื้อยาเสพติด