เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวานได้มีการปิดศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งไม้ต่อศูนย์ประสานงานข่าวข้อมูล เพื่อต้านเฟกนิวส์-ข่าวยั่วยุ ตามข้อ 15 ใน joint statement ตอบโต้ข่าวสารที่มีการบิดเบือน
เมื่อวานนี้ (28 ธ.ค.) ศูนย์อำนวยการร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้จัดแถลงผ่านศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์การสู้รบ ที่จัดขึ้นที่ ททบ.5 เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานข่าวข้อมูล หรือมีเดียเซ็นเตอร์ตามข้อ 15 ของ joint statement หรือ JS เพื่อรับไม้ต่อในการชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข่าวสารที่มีการบิดเบือน
โดยเมื่อวาน มีการปรับรูปแบบการแถลงจากการรายงานสถานการณ์มาเป็นการตอบคำถาม และข้อสงสัยที่เกิดขึ้นและหลังจากมีการลงนามใน JS จะเป็นหน้าที่ของศูนย์ประสานงานข่าวข้อมูล หรือ มีเดียเซ็นเตอร์ ที่จัดพิจารณาว่าข่าวไหนที่เป็นในเชิงยั่วยุ หรือส่งผลกระทบเชิงนัยสำคัญสูงมาก เกี่ยวกับความขัดแย้งก็จะติดต่อประสานงานว่าข่าวดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ ผ่านวิธีในการตรวจสอบด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ถ้า 2 ฝ่าย ยืนยันว่าไม่จริง ก็จะแจ้งประชาชนว่าเป็นเฟกนิวส์
ซึ่ง ศูนย์ประสานงานข้อมูลข่าวสาร ที่จะตั้งขึ้นมาใหม่นี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างหาสถานที่ทำการ และได้มีการประสานงานไปยังสถานทูตไทยในกัมพูชา เพื่อสนับสนุนด้านบุคลากร และการประสานงานกับฝั่งกัมพูชา คาดว่าโครงสร้างจะเสร็จในเร็ว ๆ นี้ รวมทั้งขณะนี้กำลังรอคำสั่งที่เป็นรูปธรรม
ส่วนการเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ของ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อร่วมประชุมที่มณฑลยูนนาน ตามคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ระหว่างเมื่อวานถึง วันที่ 29 ธันวาคม ที่จะถึงนี้
โดยมี นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา เดินทางไปร่วมประชุมด้วย เพื่อแจ้งกับจีนให้สนับสนุนการหยุดยิงให้มีความยั่งยืน พร้อมสงสัญญาณไปยังกัมพูชาว่าไม่ควรจะมีการรื้อฟื้น หรือพยายามในการสร้างความขัดแย้งใด ๆ เพิ่มอีก และมองว่าจีนไม่เป็นเพียงผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งของไทยกับกัมพูชา แต่ต้องการให้จีนแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ เพื่อให้มีการหยุดยิงที่ยั่งยืน ด้วยการส่งสัญญาณดังกล่าวไปยังกัมพูชาด้วย หลักการสำคัญของการหยุดยิงครั้งนี้ คือการให้ไทยและกัมพูชาแก้ไขปัญหากันเอง และไทยจะไม่ทำตามที่ใครกดดัน
