หลังหยุดยิง ! ไทยยังตรึงกำลังเฝ้าระวัง หลังกัมพูชายังบินโดรน

หลังหยุดยิง ! ไทยยังตรึงกำลังเฝ้าระวัง หลังกัมพูชายังบินโดรน

View icon 36
วันที่ 29 ธ.ค. 2568 | 11.39 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หลังหยุดยิง ! กองทัพภาคที่ 2 เผย ยังไม่พบการปะทะรุนแรง แต่พบว่ากัมพูชา มีการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน (UAV) เพื่อการตรวจการณ์ ชี้ ไทยตรึงกำลังเฝ้าระวังใกล้ชิด

วันที่ (29 ธ.ค.68) กองทัพภาคที่ 2 สรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดน วันแรกหลังหยุดยิง (28 ธ.ค.) การหยุดยิงในวันแรกบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ภาพรวมสถานการณ์ตลอดทั้งวัน ยังไม่พบการปะทะด้วยอาวุธหนัก หรือการยิงตอบโต้กันอย่างเปิดเผย สถานการณ์โดยรวมอยู่ในภาวะหลังหยุดยิง แม้ความตึงเครียดจะลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

รายงานระบุว่า ฝ่ายกัมพูชาลดการใช้อาวุธหนัก ที่มีลักษณะชัดเจน เช่น ปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) และปรับเปลี่ยนมาใช้การปฏิบัติในระดับต่ำ เช่น การใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) เพื่อการตรวจการณ์ การเคลื่อนย้ายกำลังและส่งกำลังบำรุงผ่านเส้นทางในพื้นที่พลเรือน ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังในที่ตั้งเดิม ตรวจการณ์พื้นที่ และรักษาความพร้อมของกำลังพลอย่างต่อเนื่อง

ในด้านการควบคุมสถานการณ์ การเคลื่อนไหวทางทหารและกิจกรรมทางอากาศของทั้งสองฝ่ายลดลงมาอยู่ในระดับการคุมเชิง โดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแนวที่มั่นหรือการรุกคืบพื้นที่ ฝ่ายไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในภาพรวม แต่อยู่ระหว่างเพิ่มความระมัดระวังต่อภัยคุกคามแฝง เช่น การวางกับระเบิด และการสอดแนมด้วย UAV

ด้านการประเมินพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้าม พบว่าลักษณะการปฏิบัติสะท้อนการ “หยุดยิงในทางการเมือง” แต่ยังคงการเคลื่อนไหวทางทหารในระดับต่ำ โดยการวางกับระเบิด การใช้ UAV ตรวจการณ์ และการใช้พื้นที่พลเรือนเป็นเส้นทางหรือฐานพัก มีเป้าหมายเพื่อรักษาความได้เปรียบด้านพื้นที่และข่าวกรอง พร้อมลดความเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลสร้างความไม่ปลอดภัยให้ฝ่ายไทยในระยะยาว

ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงรักษาการควบคุมพื้นที่และการตรึงกำลังได้อย่างมีระเบียบ แต่เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกับระเบิดสะท้อนว่า ภัยคุกคามในรูปแบบสงครามอสมมาตรยังคงมีอยู่ในระดับสูง จึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวน การตรวจสอบและเคลียร์พื้นที่ รวมถึงการคุ้มครองกำลังพลในช่วงหลังหยุดยิง

สำหรับแนวโน้มในระยะสั้น คาดว่าสถานการณ์จะยังอยู่ในลักษณะ “สงบในเชิงยุทธการ แต่ตึงเครียดในเชิงพื้นที่” โดยฝ่ายตรงข้ามมีแนวโน้มใช้การสอดแนม การเคลื่อนกำลังแบบจำกัด และการก่อเหตุแฝง มากกว่าการเปิดการปะทะด้วยอาวุธหนัก ทั้งนี้ ฝ่ายไทยจำเป็นต้องเฝ้าระวังพื้นที่เปราะบางอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการยกระดับสถานการณ์หรือการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในอนาคต