ข่าวเย็นประเด็นร้อน - จากการหยุดยิงในสนามรบ "กัมพูชา" เปลี่ยนไปสู้ในสนาม "ความชอบธรรม" พยายามเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง สร้างภาพว่าต้องการสันติภาพ ไม่ใช่การสู้รบ แต่ขณะเดียวกัน ก็แอบมีความเคลื่อนไหวหลาย ๆ อย่าง ชวนให้สงสัยว่าจะใช่แบบนั้น หรือไม่
ภาพทหารกัมพูชา ได้กลับไปก้มกราบพ่อ-แม่ สวมกอดภรรยา ถูกนำมาโพสต์ ลงในหลาย ๆ เพจฯ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนกัมพูชา ต่างก็ไม่ต้องการให้เกิดการสู้รบ ทุกคนรักชีวิต อยากกลับไปอยู่อย่างมีความสุขกับคนในครอบครัว
แต่ความเคลื่อนไหวหลาย ๆ อย่าง ในช่วงที่ผ่านมา ก็เริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่า กัมพูชาอาจไม่ได้อยู่เฉย ๆ อย่างภาพนี้ เพจฯ มังกร ซ่อนตัว อ้างมีคนพบมีรถบรรทุกต้องสงสัยหลายคัน และโดรนจากฝั่งกัมพูชา เคลื่อนไหวใกล้แนวชายแดน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นแค่การตรวจการณ์เฉย ๆ หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีโซเชียลฯ ไทย แชร์ภาพก่อนและหลัง ความเสียหายทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นอีกจุดที่ ทหารกัมพูชา ใช้ขนเอายุทโธปกรณ์ ขึ้นไปตั้งฐานสู้รบกับไทย แล้วมาหาว่าไทยต้องการทำลายปราสาท
นอกจากนี้ก็มีคนตั้งข้อสังเกตเครื่องบินลำเลียงสินค้าทางอากาศ ของสายการบินเบลารุส บินเข้าสู่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีการใช้เส้นทางการบิน ที่จงใจบินอ้อมน่านฟ้าไทย จนเกิดข้อสงสัยว่า สินค้าอะไรที่ต้องเร่งนำส่งกัมพูชาเป็นการเร่งด่วน ซึ่งก็คาดกันว่าน่าจะเป็น "โดรน" ที่เอาไปใช้ทำเป็น โดรนพลีชีพ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ใช่ หรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายภวัต แอดมินเพจฯ Thaiarmforce.com ให้ความเห็นว่า ในช่วงที่มีการหยุดยิง เชื่อว่าทั้งไทย และกัมพูชา คงไม่มีการสู้รบใด ๆ กัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องการเวลาพักหายใจ ซึ่งก็ต้องรอดูท่าทีจาก "ผู้นำ" กัมพูชา ว่ายังต้องการสร้างคะแนนจากคนในชาติ ด้วยวิธีการเดิม ๆ อีก หรือไม่
เพจฯ Take A Walk, Talk International Law ท่องโลกกว้างด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ วิเคราะห์ถ้อยแถลงของ "ฮุน มาเน็ต" นายกรัฐมนตรีของ กัมพูชา ว่า
สิ่งที่โพสต์ต้องการสื่อสารกับคนในประเทศ จึงเลือกใช้การพิมพ์เป็นภาษากัมพูชาทั้งหมด เนื้อหา ส่วนใหญ่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการบอกให้คนในชาติเข้าใจสถานการณ์ตรงกัน ว่าทำไมรัฐบาลถึงลงนามหยุดยิง เพื่อจะได้ย้ำว่า "การหยุดยิง" ไม่มีผลผูกพันเรื่องเขตแดน คนในประเทศจะได้รู้สึกว่ากัมพูชา ไม่ได้เสียเปรียบ หรือยอมรับอธิปไตยของไทย
นอกจากนี้ ยังโยนภาระเรื่องนี้ไปให้กลไก JBC ซึ่งจะสังเกตเห็นว่า มีความพยายามผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ก็สร้าง "วาทกรรม" อ้างถึง UN, อาเซียน หรือกฎหมายระหว่างประเทศ ให้คนในชาติรู้สึกว่า สิ่งที่ทำไปนั้น "ถูกต้องและสง่างาม" และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ผู้นำที่ "ปกป้องอธิปไตย" มีเมตตา และเลือกสันติภาพ "ไม่ได้ยอมจำนน" ต่อไทย