ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 09.32 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.เก้าเลี้ยว ได้รับแจ้งเหตุว่า มีคนถูกช้างทำร้ายจนเสียชีวิตคาถนน บริเวณทางเข้าหมู่บ้านเข้าดินใต้ ในพื้นที่หมู่ 4 ต.เขาดิน อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับแพทย์เวรโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพกู้ภัยตำบลมหาโพธิ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนคอนกรีตเข้าหมู่บ้าน พบว่ามีศพคนเสียชีวิตอยู่บนถนน ทราบชื่อคือ นางจันทิรา ชื่นลัมย์ อายุ 35 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ โดยมีกองเลือดจำนวนหนึ่งกองอยู่กับพื้นใกล้ศพ ห่างออกไปพบช้างเพศเมียตัวใหญ่ถูกเจ้าของล่ามโซ่ไว้กับต้นไม้ในพกหญ้าริมทางถนน และพบว่ามีช้างตัวเล็กอีก 1 ตัว ถูกล่ามโซ่ไว้คู่กัน
จากการสอบถาม นายณัฐภาคย์ พิลึก อายุ 18 ปี ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ ได้มีการนำคลิปภาพก่อนและหลังเกิดเหตุมาให้ผู้สื่อข่าวตรวจสอบ ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ได้เห็นผู้เสียชีวิตพร้อมกับสามี และควาญอีกประมาณ 6 คน เดินพาช้างแม่ลูกมาเร่ขายอาหารอยู่ภายในหมู่บ้าน จึงทำให้แฟนตนอยากทำบุญกับช้าง เลยเรียกผู้เสียชีวิตให้พาช้างตัวแม่มาหา เพื่อจะให้เงินทำบุญ พร้อมกับให้ตนถ่ายคลิป เพื่อเก็บเอาไว้ไปลงโซเชียลด้วย ซึ่งก็ดูปกติเหมือนไม่มีอะไร แต่พอหลังจากที่ยื่นเงินใส่งวงช้างแล้ว จู่ๆ มันก็เกิดอาการหงุดหงิด รีบวิ่งปรี่เข้าไปชนผู้เสียชีวิตที่กำลังยืนอยู่ใกล้โดยไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้เจ้าตัวหน้าคว่ำล้ม ก่อนที่จะถูกช้างเหยียบซ้ำกลางตัวจนกระอักเลือก และเสียชีวิตดังกล่าว
ด้าน นางทิพวรรณ กาวีวน อายุ 28 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนเล่าด้วยว่า ช้างแม่ลูก รวมถึงควาญช้างทั้งหมด ให้ข้อมูลว่า ได้พาช้างเดินทางจาก จ.สุรินทร์ มาที่ อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ เพื่อมาเดินเร่ขายของกินช้าง อยู่ในอำเภอนี้มาได้ประมาณ 2 วันแล้ว ส่วนวันนี้ ได้นำพาช้างแม่ลูกมาเดินเร่ของอาหารตามปกติ โดยมีการให้ผู้เสียชีวิตและควาญช้างส่วนหนึ่ง นำพาแม่ช้างไปเดินเร่ขายของในซอยหมู่บ้าน ส่วนลูกช้าง สามีของผู้เสียชีวิตได้พาไปเดินเร่ขายริมถนนใหญ่ ซึ่งก็ยังไม่แน่ในว่าเกิดอาการหงุดหงิดที่ถูกแยกแม่ลูกห่างกัน หรืออาจจะตกใจเสียงกระดิ่งที่ผู้เสียชีวิตพกมา เพราะหลังจากที่แฟนของนายณัฐภาคย์ ได้ยื่นเอาเงินใส่ไปที่งวงช้าง ทางผู้เสียชีวิตได้มีการพูดส่งสัญญาณให้ช้างขอบคุณ พร้อมกับจะยื่นกระดิ่งมาให้ เพื่อเป็นของขอบคุณ แล้วจึงเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา
นางทิพวรรณ ยังระบุด้วยว่า หลังเกิดเหตุพยายามบอกให้ให้ฝ่ายสามีและควาญช้างคนอื่นๆ รีบช่วยพาเสียชีวิต ที่ตอนนั้นยังมีลมหายใจอยู่ ให้เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ทางฝ่ายสามีบอกว่า ให้โทรเรียกรถพยาบาลมาที่เกิดเหตุดีกว่า เนื่องจากไม่กล้าเคลื่อนย้าย กลัวว่าจะเป็นอะไรมากกว่าเดิม จึงได้รีบโทรตามหน่วยกู้ชีพกู้ภัยให้มาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน
ขณะที่ นางกำไร โมกขศักดิ์ อายุ 48 ปี หัวหน้าสมาคมกู้ชีพกู้ภัยมหาโพธิ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตถูกช้างเหยียบเข้าที่หน้าอกขวาจนปอดแตก ส่วนช้างที่ก่อเหตุเท่าที่ตนไปดูสภาพในตอนนั้น ไม่มีอาการคลุ้มคลั่งอะไรให้เห็น ซึ่งปกติดีทุกอย่าง และถูกล่ามไว้อยู่ใต้ต้นไม้ในพงหญ้าคู่กับลูกของมัน จึงไม่แน่ชัดว่าเกิดการคลุ้มคลั่ง หรือเกิดจากความตกใจกันแน่ แต่จากการตรวจสอบล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทางฝ่ายสามีของผู้เสียชีวิต ได้มีการนำร่างผู้เสียชีวิตและช้างแม่ลูก รวมถึงควาญช้างทั้งหมดขึ้นรถบรรทุกพากลับ จ.สุรินทร์กันหมดแล้ว