แม่ลูกอ่อนโร่พบ ตร.ขอโทษเจ้าของร้าน หลังเป็นข่าวขโมยเครื่องหนีบผม

แม่ลูกอ่อนโร่พบ ตร.ขอโทษเจ้าของร้าน หลังเป็นข่าวขโมยเครื่องหนีบผม

View icon 392
วันที่ 9 พ.ค. 2568 | 19.58 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
แม่ลูกอ่อนขโมยเครื่องหนีบผม กลัวความผิดโร่เข้ามอบตัวและขอโทษเจ้าของร้าน ที่ทำไปเพราะไม่มีเงินซ่อมเครื่องเก่า ขโมยไปทำผมให้ลูกค้า เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวต้องรับภาระเลี้ยงลูกคนเดียว  

วันนี้ (9 พ.ค.68) จากกรณีกล้องวงจรปิดภายในร้านจำหน่ายเครื่องสำอาง ในเขตตัวเมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง สามารถบันทึกภาพหญิงอายุประมาณ 30-40 ปี สวมเสื้อคลุมสีส้ม กางเกงขายาว สะพายกระเป่าสีแดง อุ้มลูกน้อย 2 คน อายุขวบเศษและอายุ 3 ขวบ  ก่อเหตุลักทรัพย์เครื่องหนีบผม เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 13.39 น. ของวันที่ 3 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา 

โดยพฤติกรรมของโจรสาวรายนี้ สะพายเด็กไว้ 1 คน และจูง 1 คน ทำทีเป็นลูกค้าเดินเลือกซื้อสินค้าอยู่หลายชิ้นภายในร้าน  หนึ่งในนั้นมีเครื่องหนีบผม จากนั้นพยายามเดินหามุมหลบกล้องวงจรปิดและมุมที่ไม่มีคนเดินผ่าน  ซึ่งในช่วงนั้นมีลูกค้าคนอื่นเดินผ่านไปมา  จึงหันหลังและดึงตัวเครื่องออกจากกล่องและใช้ตัวเด็กบังไว้  พร้อมยัดใส่กระเป๋าที่สะพายมาและเดินหาจังหวะนำกล่องเปล่าวางซ่อนบริเวณสินค้าตัวอื่น จากนั้นเดินไปชำระเงินสินค้าตัวอื่นหน้าตาเฉยและเดินออกจากร้านไป

ความคืบหน้าล่าสุดที่ สภ.เมืองอ่างทอง  ต.บางแก้ว  อ.มือง  จ.อ่างทอง  หลังจากมีการเสนอข่าวจนมีชาวบ้านที่รู้จักกับหญิงผู้ก่อเหตุ ทางผู้ก่อเหตุได้ติดต่อกลับมาทางร้าน เพื่อขอชำระค่าสินค้ากับทางร้านและกล่าวคำขอโทษกับทางเจ้าของร้าน  โดยนัดหมายเพื่อเจรจาต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ซึ่งอ้างว่าที่ทำลงไปเพราะไม่มีเงิน ต้องหาเงินเลี้ยงลูก ตนเองที่มีลูกทั้งหมด 4 คน  คนโตเป็นลูกจ้างโต๊ะจีน  ส่วนคนที่ 2 เรียนกำลังจะขึ้นชั้นมัธยม และอีก 2 คน ตนเองต้องเลี้ยงดู เอาไปด้วยตลอดเวลา
 
ทางเจ้าของร้านถามว่าสิ่งของที่ผู้ก่อเหตุขโมยไป มันไม่ใช่สิ่งของจำเป็นเลย ถ้าเป็นนมลูกหรือของใช้จำเป็นก็น่าเห็นใจ  ทางหัวขโมยแม่ลูกอ่อนให้คำตอบว่าเครื่องหนีบผมที่ขโมยไป ตนเองนำไปใช้ทำผมให้กับลูกค้า ซึ่งเครื่องเก่าพังไม่มีเงินซื้อ  และลูกกำลังจะเปิดเทอมต้องใช้เงิน เวลารับจ้างทำผมตามบ้านก็จะกระเตงลุกน้อย 2 คน ไปด้วย  เพราะไม่มีใครเลี้ยงดู พ่อก็แก่ชรา  และได้ยกมือไหว้กล่าวคำขอโทษ  โดยรับผิดทุกอย่าง ขอโอกาสและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก รู้ว่าตนเองผิดและยอมทุกอย่าง  แต่กลัวอย่างเดียวถ้าติดคุกจะไม่มีคนดูแลลูก 

จากการพูดคุยและตรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุไม่เคยก่อคดีอาชญากรรม ทางเจ้าของร้านเห็นใจและสงสารลูกที่ยังต้องเลี้ยงดู  จึงยอมให้โอกาส  ซึ่งมีการว่ากล่าวตักเตือนให้รู้ถึงผลที่จะได้รับและอย่าไปก่อเหตุที่ไหนอีก ก่อนจะแยกย้ายกันไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง