ตำรวจบุกจับสาวจีน สวมบัตรประชาชนสาวไทยพิการ ไปยื่นคลอดบุตร แต่ความแตกหลังพูดไทยไม่ได้ ซ้ำพบหลักฐาน เตรียมเปิดสถาบันการศึกษาด้านภาษา รองรับคนจีนที่อยากมาอยู่ไทย ขณะที่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งตรวจสอบหลังพบหลายแก๊งมังกรจีนตั้งมูลนิธิรับรองสถาบันศึกษาอีกทอด
นี่เป็นภาพขณะที่ตำรวจบุกไปจับสาวจีนคนหนึ่ง ที่บ้านพักย่านสายไหม กรุงเทพมหานคร การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีผู้ไปร้องเรียนว่า หญิงรายดังกล่าวแอบอ้างใช้ชื่อสาวไทย ไปทำบัตรประชาชนที่จังหวัดสระแก้ว และยังใช้ชื่อดังกล่าวไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลชื่อดัง ย่านสุขุมวิท เมื่อปี 2557 แต่กลับพูดภาษาไทย หรือแจ้งชื่อบิดาผู้ให้กำเนิดไม่ได้
ตำรวจจึงไปค้นหลักฐานตามทะเบียนราษฎร์ พบว่าชื่อ นางสาวพนิดา สุขพยอม เป็นชื่อสาวไทย พิการมาแต่กำเนิด และไม่เคยทำบัตรประชาชนมาก่อน แต่กลับพบว่ามีการนำชื่อไปขอออกบัตรประชาชน ที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ดำเนินการให้ โดยเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ
ที่น่ามึนกว่านั้น คือ ขณะถูกจับกุม ผู้ต้องหากลับใช้พาสปอร์ตแสดงตนว่าเป็น นางแนน มัน สัญชาติเมียนมา แต่กลับไม่สามารถพูดภาษาชาติกำเนิดได้ ตำรวจก็เลยตรวจค้นบ้านพัก พบหลักฐานว่า นางแนน มัน หรือ พนิดา ยังมีรูปปรากฏเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันการศึกษา บริษัท ทีซีเอ็ดดูเคชั่น จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ภายในตึกไทยซีซี ทาวเวอร์ (อาคารหอการค้าไทย-จีน) ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร แต่กลับไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีชื่อ นางแนน มัน เป็นผู้จดทะเบียนบริษัท
เมื่อตรวจสอบลึกลงไปอีกจึงพบว่า นางแนน มัน หรือ พนิดา ได้หลอกใช้บัตรประชาชนของแม่บ้าน 2 คน ไปจดทะเบียนบริษัท ซึ่งแม่บ้านทั้ง 2 คน ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับสถาบันการศึกษาดังกล่าว จึงไปแจ้งความที่ สน.บางรัก
พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า การตรวจสอบแก๊งมังกรจีนหลายกลุ่มที่ผ่านมา พบหลักฐานว่า มีคนจีนจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศไทย ได้รับการรับรองสถานะการอยู่ โดยอ้างเรื่องเรียน โดยพบว่าหลายสถาบันการศึกษามีการตั้งมูลนิธิมารับรองสถานะอีกครั้ง ก่อนที่จะใช้หลักฐานที่มีไปอ้างตามสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทย เพื่อทำ เอ็มโอยู รับรองการตั้งสถาบันการศึกษาเพื่อความน่าเชื่อถือ หวังจะใช้เป็นใบเบิกทางให้คนจีนที่อยากเข้ามาอยู่ในประเทศไทยใช้เป็นข้ออ้างการขออยู่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการไล่ตรวจสอบ โดยเชื่อว่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีหน้าที่ต้องตรวจสอบก่อนที่จะอนุมัติการอยู่ต่อ หรือขอวีซา