รวบมิจฉาชีพ ปลอมบัตรประชาชน นำรูปตัวเองใส่ข้อมูลบัตรประชาชนคนอื่น ไปขอซิมการ์ดใหม่ แต่เบอร์เดิม หลังจากนั้นเข้าสู่ระบบบัตรเครดิตผู้เสียหาย เพื่อขอรหัส OTP แล้วรูดบัตรเครดิต เสียหายกว่า 7 หมื่นบาท
27 กุมภาพันธ์ 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุม นางปรีชญาฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันปลอมและใช้บัตรประจำตัวประชาชนปลอม, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พร้อมตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ม.ค.68 ผู้เสียหายได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.เพื่อแจ้งว่า ขณะที่ผู้เสียหายใช้งานโทรศัพท์มือถืออยู่ที่บ้านในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปรากฏว่า สัญญาณโทรศัพท์ของผู้เสียหายได้หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งในขณะนั้นผู้เสียหายได้เชื่อมต่อสัญญาณไวไฟไว้อยู่ จากนั้นผู้เสียหายได้รับการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันบัตรเครดิตว่า มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต จำนวน 3 รายการ รวมเป็นเงินกว่า 66,964 บาท จากนั้นผู้เสียหายได้ตรวจสอบไปยังคอลเซนเตอร์ ของบัตรเครดิต พบว่าเป็นการทำรายการของเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหายจริง แต่ผู้เสียหายไม่ได้เป็นผู้ทำรายการแต่อย่างใด
จากนั้นผู้เสียหายได้ทำการตรวจสอบไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ จึงทราบว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค.68 เวลาประมาณ 19.30 น. ได้มีคนร้าย เป็นชาย 1 รายและผู้หญิง 1 ราย ได้ไปทำรายการขอออกซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิมที่ศูนย์บริการลูกค้า โดยได้ใช้ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เสียหาย ซึ่งถูกปลอมแปลงโดยการตัดต่อใบหน้าของคนร้ายไปใส่แทน ในการยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงซิมการ์ดใหม่
หลังจากคนร้ายสามารถเข้าใช้งานหมายเลขโทรศัพท์ของผู้เสียหายได้แล้ว คนร้ายได้เข้าสู่ระบบของบัตรเครดิตผู้เสียหาย เพื่อขอรหัส OTP ในการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนจนทราบกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา เพื่อจับกุมผู้ต้องหาข้างต้น ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 5 ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้จากการสืบสวนเพิ่มเติม
ทำให้ทราบว่าในการกระทำความผิดของผู้ต้องหา ยังมีบุคคลอื่นซึ่งร่วมขบวนการ โดยแบ่งหน้าที่ช่วยเหลือกันกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างถึงที่สุด สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนและสามีได้ไปดำเนินการแจ้งขอเปลี่ยนซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิมของผู้เสียหายจริง โดยมีบุคคลสั่งการอีกทอดหนึ่งและได้รับค่าจ้างจำนวน 1,500 บาท