รถเก๋งชนรถฉุกเฉินโรงพยาบาล กลางสี่แยกไฟแดง โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต

รถเก๋งชนรถฉุกเฉินโรงพยาบาล กลางสี่แยกไฟแดง โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต

View icon 368
วันที่ 10 ธ.ค. 2565 | 12.43 น.
ข่าวช่อง7HD
แชร์
รถเก๋งชนรถฉุกเฉินโรงพยาบาล กลางสี่แยกไฟแดงถนนศรีสุขตัดถนนนเรศร จ.อุดรธานี โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต

เวลา07.30 น. วันที่ 10 ธ.ค. 65 ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ มุงคุณ รองสารวัตรสอบสวน รับแจ้ง เกิดอุบัติเหตุรถรถเก๋งชนรถตู้ฉุกเฉินโรงพยาบาลกู่แก้ว ทำให้รถเก๋ง หน้ารถพังเสียหาย ส่วนรถฉุกเฉินโรงพยาบาลด้านหน้าขวารถยุบเสียหาย และรถโรงพยาบาลพุ่งชนรถเก๋งที่ส่วนทางมาได้รับความเสียหาย ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงถนนศรีสุขตัดถนนนเรศร เขตเทศบาลนครอุดรธานี ส่วนผู้ป่วยภายในรถฉุกเฉิน ที่เกิดเหตุทางกู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี เปลี่ยนถ่ายผู้ป่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อทำการรักษา

โดยที่เกิดเหตุพบรถเก๋งโตโยต้า สีดำ ด้านหน้ารถพังเสียหาย จอดอยู่กลาง 4 แยก มีนายสันติ เป็นผู้ขับขี่ ไม่ได้รับบาดเจ็บ ห่างกัน พบรถตู้โรงพยาบาลกู่แก้ว ด้านหน้าพังเสียงหาย มีนายจงรักษ์ พันธ์พรหม ผู้ขับขี่ และรถตู้เสียหลักชนกับรถเก๋งนิสันสีเทา อุดรธานีด้านหน้ารถถูกชนพังเสียหาย มีนาง นันภัทร เป็นผู้ขับขี่

สอบถามนายจงรักษ์ พันธ์พรหม ผู้ขับขี่รถตู้ฉุกเฉินโรงพยาบาล เล่าว่าตนขับรถจากโรงพยาบาลกู่แก้ว โดยมีพยาบาลและผู้ป่วย เพื่อมาส่งผู้ป่วยเข้าต่อที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ซึ่งตนได้เปิดสัญญาณไฟและเสียง เพื่อขอทาง ตนได้ขับรถมาบนถนนศรีสุข เมื่อมาถึง ซึ่งเป็นสี่แยกไฟแดง ข้างสภ.เมืองอุดรธานี ในจังหวะที่ตนขับมาถึงกลางสี่แยก มีรถเก๋งขับมาจากถนนนเรศร มุ่งหน้าไปข้างเรือนจำ พุ่งชนด้านหน้ารถฉุกเฉินอย่างแรง ทำให้รถฉุกเฉินเสียหลักเบรคไม่อยู่จึงไปชนกับรถเก๋งนิสัน ที่สวนทางมาจากทางหน้าเรือนจำ จนพังเสียหายหลังจากนั้นจึงประสานกู้ชีพเพื่อเปลี่ยนถ่ายผู้ป่วย เพื่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี
       
จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่ารถเก๋งโตโยต้าสีดำขับรถมาจากถนนนเรศรมุ่งหน้าไปข้างเรือนจำ ซึ่งเป็นสัญญาณไฟเขียว อาจจะไม่เห็นหรือไม่ได้ยินเสียงสัญญาณรถฉุกเฉิน จึงชนเข้ารถฉุกเฉินแล้วไปชนรถเก๋งอีกคันที่สวนทางมา ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ป่วยในรถฉุกเฉินทางกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลศูนย์แล้ว โดยทางตำรวจจะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่ายอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง