ขยายคดีดัง : สำนวนคดีเรียกรับส่วยในกรมอุทยานฯ ถึงมือ ป.ป.ช.แล้ว

View icon 152
วันที่ 28 ม.ค. 2566 | 12.33 น.
ข่าวเด็ด 7 สี
แชร์
ข่าวเด็ด 7 สี - ช่วงขยายคดีดังวันนี้ ติดตามความคืบหน้าทางคดี ปมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรียกรับส่วย ผ่านมาเกือบครบ 1 เดือนแล้ว เรื่องราวมีความคืบหน้าไปมากครับ ทั้งในเรื่องทางวินัย และคดีอาญา ไปติดตามจาก คุณปราโมทย์ คำมา

ขยายคดีดังวันนี้ ยังตามกันต่อกับปมอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกรับส่วย วันนี้ต้องบอกว่าคดีเดินทางมาครบ 1 เดือนแล้ว ตั้งแต่มีการบุกจับคาห้องทำงานพร้อมของกลางเป็นเงินสดเกือบ 5 ล้านบาท ความคืบหน้าทางคดี เมื่อต้นสัปดาห์ตำรวจ ปปป. ที่เป็นเจ้าภาพในการทำคดี ได้สรุปสำนวน ส่งต่อไปถึงมือ ปปช. แล้ว แต่จะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ อย่างไร วันนี้จะพาคุณผู้ชมมาดูทิศทางเรื่องนี้กันอีกครั้ง

สำหรับเรื่องปมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการเรียกรับส่วย และถูกบุกจับกุมภายในห้องทำงานเมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีความคืบหน้าตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ โดยเมื่อวันจันทร์ ที่ 23 มกราคม ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ได้สรุปสำนวน และส่งต่อให้ยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. เพื่อไต่สวนหาความผิดแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้นก็เรียกว่าทำงานกันอย่างหนักเลย โดยเฉพาะการลุยสืบสวนจากพยานที่เกี่ยวข้อง มีพยานมากถึง 36 ปาก เลยทีเดียว

และอย่างที่ทราบกัน ทางตำรวจ ปปป. ก็ทำงานกันอย่างหนัก เพราะในการสอบสวน พยานก็มาไม่ครบตามที่เรียก บางส่วนให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่บางส่วนก็ยังปกป้องอดีตอธิบดีฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับส่วย

ทางทีมข่าวได้มีโอกาสไปพูดคุยกับ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ท่านก็ยังมั่นใจว่า จากหลักฐานที่มีตอนนี้เมื่อสำนวนไปถึงชั้นศาล อดีตอธิบดีฯ ก็คงจะปฏิเสธความผิดได้ยาก ที่น่าสนใจคืออาจมีคนอื่นเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ท่านยังฝากเตือนด้วยว่าบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องถ้ายังยึกยัก ไม่พูดความจริง ก็คงไม่สามารถกันไว้เป็นพยานได้

คราวนี้เรามาดูเส้นทางคดีกันบ้าง พ้นมือตำรวจ ส่งไม้ต่อไปที่ ป.ป.ช.แล้ว จะเดินหน้ากันอย่างไร มีกรอบเวลา เราเริ่มนับกันวันที่ 23 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่สำนวนถึงมือ ป.ป.ช. จากนี้ไปทาง ป.ป.ช. บอกว่าใช้เวลาไม่เกิน 180 วัน ในการตั้งกรรมการไต่สวน และแสวงหาข้อเท็จจริง แต่กว่าจะมีการชี้มูลกันจริง ๆ อาจต้องใช้เวลาถึง 1 ปี

ระหว่างทางในการทำคดีของ ป.ป.ช. ที่กินเวลานานพอสมควร ก็ทำให้ คุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร มีความกังวล เนื่องจากมีข้อมูลว่าพยานบางคนถูกข่มขู่จากบริวารของอดีตอธิบดีฯ จึงเสนอให้ ป.ป.ช. สรุปสำนวนส่งฟ้องศาลภายใน 30 วัน ซึ่งดูแล้วเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่น่าติดตามคือประเด็นที่ คุณชัยวัฒน์ เปิดข้อมูลเพิ่มว่าอื้อฉาวกันขนาดนี้ ยังมีเรื่องของการเรียกรับผลประโยชน์เกิดขึ้นอยู่

ก็เรียกว่าคดีนี้ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะหากยังปล่อยให้ยาวนานออกไป คำถามของสังคมก็จะเพิ่มมากขึ้น คราวนี้เรามาดูเรื่องกรอบเวลาทั้งในเรื่องทางวินัยกัน มาไล่ดูแบบนี้ หลังเกิดเรื่องทางกระทรวงต้นสังกัด ก็ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม จากนั้นกรรมการก็ได้ข้อสรุปว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง แต่ก็ยังไม่ได้มีเอกสารออกมา และเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ก็เรียกพยานไปให้การเพิ่มเติม และในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ จะครบกำหนด 30 วัน สอบวินัยร้ายแรง ซึ่งผลจะเป็นอย่างไร มานับถอยหลัง ปูเสื่อรอดูกัน เพราะเหลืออีกแค่ 7 วันเท่านั้น โทษหนักสุดคือไล่ออกจากราชการ

ส่วนการบริหารจัดการ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่ต้องบอกว่าระส่ำระสายพอสมควร จากมรสุมข่าวฉาว ขวัญกำลังใจก็หดหาย ล่าสุด กรมฯ นี้ ได้นายคนใหม่แล้ว คือ คุณอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ไปนั่งรักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช งานแรกที่ต้องทำก่อนเลยคือ การคืนความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งโยกย้าย และยังต้องฟื้นฟูองค์กรให้เกิดความโปร่งใส เรียกศรัทธาคืนกลับมาด้วย

อาทิตย์หน้าก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลง เรียกว่าโฆษณาไว้ซะน่าติดตาม สะกิดกันไว้นิด โฆษณาดีอย่างเดียวไม่พอ สินค้าต้องดีด้วย งานแรกที่ท่านรักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ ต้องทำคือ มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 300 คน ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรม ท่านจะคืนความเป็นธรรมอย่างไร ใช้เกณฑ์อะไรมาตัดสิน การตรวจสอบจะทำได้อย่างไร และสุดท้ายต้องชัดเจนด้วย อย่าให้เกิดการเลือกปฏิบัติขึ้น และที่สำคัญปฏิทินที่ทุกคนรอคอย คือ 4 กุมภาพันธ์ จะมาตามนัดหรือไม่ บทลงโทษคนทำผิดจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่สังคมยังรอคำตอบ