ศาลออกหมายจับ ธาริต เพ็งดิษฐ์

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจาก "ธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีตอธิบดี DSI ไม่มาขึ้นศาล ในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหา นายอภิสิทธิ์-นายสุเทพ ฆ่าคนตายจากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 โดยให้เหตุผลที่ไม่มาขึ้นศาลว่าป่วยเ พราะผ่าตัดนิ่วในไต ในวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา

เมื่อเช้านี้ ศาลอาญารัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำสั่ง คำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 7 ในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ คดีนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดี, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล พนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการ โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา แต่จำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ

ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัด นายธาริต ไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายนำใบรับรองแพทย์มายื่นต่อศาล โดยอ้างว่า นายธาริต เข้ารับการผ่าตัดนิ่วในไต เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา เพราะเจอนิ่วในไตทั้งข้างซ้ายและขวา

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายธาริต อ้างเรื่องเจ็บป่วยหลายครั้งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าเป็นการประวิงเวลาคดีให้ล่าช้า จึงให้ออกหมายจับ เพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา พร้อมปรับนายประกันเต็มสัญญา และให้มาชำระค่าปรับต่อศาลภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันนี้ ให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาอีกครั้ง ในวันที่ 24 มีนาคม 2566 เวลา 9.00 น.

โดย 16 ธันวาคม 2564 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา แต่มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษา เนื่องจาก นายธาริต ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ทำให้ส่งหมายไม่ได้

10 กุมภาพันธ์ 2565 มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากนายธาริต ไม่มาศาล โดยทนายความแจ้งว่า นายธาริต มีอาการชักเกร็ง และหมดสติเป็นเวลากว่า 5 นาที หลังได้สติ มีอาการแขนขาข้างซ้ายอ่อนแรง

21 เมษายน 2565 มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นครั้งที่ 3 เนื่องจากนายธาริต ไม่มาศาล โดยทนายความแจ้งว่า ลูกความมีอาการหายใจไม่ออก อ่อนเพลีย เนื่องจากผลกระทบภายหลังหายป่วยจากโรคโควิด-19

22 มิถุนายน 2565 มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นครั้งที่ 4 เนื่องจากศาลส่งหมายให้นายธาริต แต่ธาริตยังไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แจ้งว่า "ส่งไม่ได้ เขาย้ายไม่ทราบที่อยู่"

7 กันยายน 2565 มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นครั้งที่ 5 เนื่องจากนายธาริต ไม่มาศาล โดยทนายแจ้งว่านายธาริต ติดโรคโควิด-19

9 ธันวาคม 2565 มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นครั้งที่ 6 เนื่องจากนายธาริต ไม่มาศาล ทนายแจ้งว่าเป็นนิ่วในไต

ล่าสุด 2 กุมภาพันธ์ 2566 ให้ทนายแจ้งมาว่า นายธาริต ผ่าตัดนิ่วในไต

นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความฝ่ายโจทก์ ระบุว่า คดีนี้มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษามาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2564 ครั้งนี้เป็นการนัดครั้งที่ 7 ปรากฏว่าทาง นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องอ้างว่าเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ได้เข้าผ่าตัดนิ่วในไต ตอนนี้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมส่งใบรับรองแพทย์ ที่แพทย์ให้ความเห็นว่าต้องเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 3 เดือน แต่ตนได้แถลงว่าเรื่องการเลื่อนคดีขอให้เป็นดุลยพินิจของศาล แต่ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ตามใบรับรองแพทย์ที่อ้างมา แพทย์ไม่ได้ระบุว่านายธาริต ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลตลอด 3 เดือน ไม่สามารถไปไหนได้

ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษามาหลายครั้ง ประกอบกับในใบรับรองแพทย์ ไม่ได้ระบุชัดเจนอย่างที่ตนกล่าวข้างต้น จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์หลบหนี ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 ให้มาฟังนัดคำพิพากษาครั้งต่อไปในวันที่ 24 มีนาคม 2566 เวลา 09.00 น

คดีนี้ ศาลอาญาชั้นต้น พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 ราย แต่ศาลอุทธรณ์มีการกลับคำพิพากษา ให้จำคุกจำเลยทั้ง 4 คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี แต่จำเลยทั้ง 4 ได้ยื่นฎีกา อ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ในคดี ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาใหม่