สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - เมื่อวานนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการเริ่มปฏิบัติการทำฝนหลวง หลังในตัวเมืองถูกหมอกควันปกคลุม จนทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ด้านเภสัชกรแนะนำประชาชนใช้หน้ากากให้ถูกชนิด ในการรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก
เมื่อวานนี้ สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กที่จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มวิกฤตขึ้นเรื่อย ๆ หลังผู้สื่อข่าวสำรวจบรรยากาศในเมืองเชียงใหม่ พบว่า ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ที่ไม่ใช่หมอกหนาว แต่เป็นหมอกควันไฟป่า และหมอกควันที่เกิดจากการเผาในพื้นที่ เรียกว่า บดบังจนเทพมองไม่เห็นดอยสุเทพ
โดยค่าฝุ่น PM2.5 วัดโดยแอปพลิเคชัน AIR4THAI ของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า มีค่าอยู่ที่ 70 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจากสถิติถือว่า เป็นสถานการณ์หมอกควันหนาเป็นวันที่ 3 แล้ว
สำหรับค่าฝุ่น PM2.5 ที่สูงที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ตำบลหางดง อำเภอฮอด อยู่ที่ 99 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
โดยดาวเทียมของ Gistda สามารถวัดจุดความร้อนหรือ Hotspot รวมตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา จนถึงเมื่อวานนี้ พบจุด Hotspot รวมแล้วกว่า 452 จุด ทำให้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ออกประกาศห้ามเผา ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2566 พร้อมกับกำชับปกครองท้องถิ่นทุกอำเภอ เข้มงวดกวดขันการเผาในพื้นที่
ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว ดับไฟป่าและบินสำรวจจุดความร้อน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยใช้เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ เครื่องบินแบบ CASA จำนวน 2 ลำ และเครื่องบิน Super King Air จำนวน 1 ลำ ซึ่งตอนนี้ได้เริ่มปฏิบัติการแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในการขึ้นปฏิบัติการแต่ละครั้ง จะใช้งบประมาณอยู่ที่ 100,000-200,000 บาทต่อเที่ยว โดยคาดว่า หลังจากนี้ประมาณวันที่ 4-7 กุมภาพันธ์ จะมีฝนตกในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน และลำปาง
พอหมอกควันเริ่มปกคลุมจังหวัดเชียงใหม่ แน่นอนว่า คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือประชาชน ที่ต้องสูดดมเอาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าไป ทำให้ร้านขายยาในตัวเมืองเชียงใหม่ เริ่มนำหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองมาจำหน่าย โดยที่มักจะคุ้นกันคือหน้ากากแบบ N95 แต่การสำรวจของทีมข่าวพบว่า หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กยังมียอดจำหน่ายไม่มาก โดยเภสัชกร บอกว่า ประชาชนหลายคนยังคงใช้หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป แต่ที่จริงแล้วหน้ากากอนามัยที่ใส่ป้องกันโควิด-19 มีประสิทธิภาพกันฝุ่นได้น้อย เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นต้องเลือกหน้ากากที่ป้องกันฝุ่นได้โดยเฉพาะอย่าง KF-94 ที่มีราคาชิ้นละ 4 บาท 50 สตางค์ หรือ N95 ที่อยู่ชิ้นละ 15 บาท
