สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ถึงคราวที่คนเปิดบัญชีม้า คนว่าจ้าง หรือคนรับเปิด จะหนาว ๆ ร้อน ๆ กันบ้าง เพราะตอนนี้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องก็มั่นใจว่าจะช่วยลดจำนวนคดีอาชญากรรมออนไลน์ลงได้
โดยทั้ง 7 หน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DES สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI สำนักงาน กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ร่วมกันแถลงชี้แจง หลังพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้
โดย นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวง DES ชี้แจงว่า กฎหมายนี้มุ่งเน้นจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือมิจฉาชีพทางออนไลน์ ที่ใช้บัญชีม้าในการกระทำผิด หากผู้เสียหาย หรือประชาชน หรือผู้ประกอบการไปพบพิรุธว่ามีคนเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีม้า สามารถแจ้งตำรวจได้ในทันที จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของธนาคารในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าที่น่าสงสัย รวมทั้งสามารถระงับบัญชีต้องสงสัยชั่วคราวไม่เกิน 72 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบ โดยที่ไม่ต้องรอให้เกิดเหตุขึ้นก่อน
ส่วนกรณีหากเกิดการกลั่นแกล้ง แล้วโดนระงับบัญชีชั่วคราว ผู้ที่เสียหายสามารถนำหลักฐานไปแสดงความบริสุทธิ์กับทางธนาคารได้ หากธนาคารตรวจสอบแล้วพบว่าบริสุทธิ์จริง ก็จะรีบปลดล็อกบัญชีให้ทันที และผู้ที่เสียหายก็สามารถแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกลับใน 2 ข้อหา คือ แจ้งความเท็จ, กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา
นอกจากนี้ พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว ยังมีการกำหนดโทษสำหรับ ผู้เปิดบัญชีหรือเปิดซิมโทรศัพท์ เพื่อให้มิจฉาชีพนำไปใช้ในการกระทำผิด มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ว่าจ้าง หรือเป็นธุระจัดหามีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,0000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับสถิติปีที่ผ่านมา สามารถจับกุมบัญชีม้าได้ 210,000 เคส รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ตอนนี้พบว่ามีบัญชีต้องสงสัยอยู่ในมือ 30,000 กว่าบัญชี หลังจากนี้จะดำเนินการตรวจสอบ แล้วขอความร่วมมือธนาคารในการอายัดบัญชีต่อไป