“รัชฎา” อดีตกรมอุทยานฯ ขึ้นศาลไต่สวนมูลฟ้อง เอาผิด”ชัยวัฒน์” แจ้งความเท็จฯ เรียกรับผลประโยชน์

“รัชฎา” อดีตกรมอุทยานฯ ขึ้นศาลไต่สวนมูลฟ้อง เอาผิด”ชัยวัฒน์” แจ้งความเท็จฯ เรียกรับผลประโยชน์

View icon 214
วันที่ 29 พ.ค. 2566 | 11.45 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“รัชฎา” อดีตกรมอุทยานฯ ขึ้นศาลไต่สวนมูลฟ้อง เอาผิด”ชัยวัฒน์” แจ้งความเท็จฯ เรียกรับเงินจากลูกน้อง โยกย้ายตำแหน่ง

วันนี้ (29 พ.ค.66) ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) เป็นจำเลย ฐานกระทำผิด แจ้งข้อความอันเป็นเท็จฯ แก่พนักงานสอบสวน, ทำพยานหลักฐานเท็จฯ แจ้งความให้จดข้อความอันเป็นเท็จฯ ,หมิ่นประมาท

คำฟ้องสรุปว่า นายชัยวัฒน์ จำเลยได้บังอาจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เพื่อแกล้งให้โจทก์ได้รับโทษ โดยจำเลยแจ้งว่าเมื่อเม.ย.2564 ถึงปัจจุบัน โจทก์ได้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยไม่ชอบ โจทก์ขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีฯ มีนโยบายก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยการที่โจทก์มีคำสั่งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ไปยังตำแหน่งอื่นที่ห่างไกลภูมิลำเนา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งเต้นที่สำนักงานอธิบดีรายละประมาณ 200,000 - 300,000 บาท หากผู้ใดไม่วิ่งเต้นก็จะถูกโยกย้ายทำให้เดือดร้อน เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยภาคสนามจะต้องจ่ายเงินเป็นรายเดือนต่อเดือนให้กับโจทก์ ทำให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว

นอกจากนี้ จำเลยยังได้วางแผนเข้ามาขอพบโจทก์วางแผนกันแกล้งโจทก์ โดยจำเลยแอบซุกซ่อนติดกล้องซึ่งสามารถบันทึกภาพและเสียง ในวันดังกล่าวจำเลยอ้างว่ามีเรื่องสำคัญขอใช้เวลาไม่นานประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวใกล้ช่วงปีใหม่ โจทก์เข้าใจว่าจำเลยจะมาสวัสดีขอพรปีใหม่จึงยอมให้จำเลยเข้าพบ เมื่อจำเลยเข้าพบพยายามพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเงินเพื่อให้เข้าตามแผนที่จำเลยวางไว้ แต่โจทก์ปฏิเสธไม่พูดคุยกับจำเลย เนื่องจากโจทก์ไม่เคยเรียกรับเงินจากผู้ใด ขณะเดียวกันจำเลยได้นำซองกระดาษสีขาวทราบภายหลังว่าคือซองบรรจุเงินจำนวน 98,000 บาท ออกมาวางบนโต๊ะและจำเลยพยายามให้โจทก์รับซองและเปิดซอง แต่โจทก์ไม่ยอมรับและไม่ได้แกะซองดู จำเลยพยายามพูดเบี่ยงเบนความสนใจโดยวางซองเงินไว้บนโต๊ะทำงานและพูดคุยกับโจทก์หลายเรื่อง จากนั้นจำเลยก็ออกจากห้องโจทก์ไป ต่อมาโจทก์พบว่าจำเลยวางซองเงินดังกล่าวบนโต๊ะ จากนั้นเวลาผ่านไปไม่นานก็มีเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาในห้องโดยไม่มีหมายค้น และอ้างว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าและค้นพบซองบรรจุเงิน 98,000 บาท ซึ่งจำเลยวางทิ้งไว้ ทำให้โจทก์เกิดความเสียหาย และเป็นการกลั่นแกล้ง

โดยวันนี้นายรัชฎา เดินทางมาพร้อม นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความ ซึ่งนายวราชันย์ กล่าวว่า วันนี้ตนมีพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ และได้ให้ศาลออกหมายเบิกพยานบุคคลหลายปาก เป็นพนักงานสอบสวน 3 คน นายรัชฎา 1 ปาก และเจ้าของซองเงินบางส่วน ซึ่งพยานหลักฐานที่เรานำมาสืบมีหลายส่วนที่ยังไม่เคยปรากฏ ทั้งตามสื่อมวลชน ตามชั้นตำรวจพนักงานสอบสวนและชั้น ป.ป.ช. และที่ผ่านมานายชัยวัฒน์ไม่เคยได้ติดต่อมาเจรจาพูดคุย อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีกับนายชัยวัฒน์ ในส่วนนี้แยกออกจากกรณีที่ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รวมทั้งชุดจับกุม และนายชัยวัฒน์ กับพวก รวม 7 คน เป็นจำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ซึ่งในวันพรุ่งนี้(30 ก.ค.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้องกรณีนี้ด้วย

ส่วนกรณีที่นายรัชฎา เป็นผู้ต้องหาในคดีฐานเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบหลักฐาน ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยได้เข้าไปรายงานตัวทุก 3 เดือน ซึ่งยืนยันว่านายรัชฎา บริสุทธิ์ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดตามที่นายชัยวัฒน์กล่าวหา ส่วนวันนี้นายชัยวัฒน์ ได้ส่งทนายเข้ามารับฟังการนัดไต่สวนมูลฟ้องแทน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง