ทันตแพทย์ จี้ทุกฝ่ายคุมบุหรี่ไฟฟ้า บังคับใช้กฏหมายจริงจัง สกัดนักสูบหน้าใหม่

ทันตแพทย์ จี้ทุกฝ่ายคุมบุหรี่ไฟฟ้า บังคับใช้กฏหมายจริงจัง สกัดนักสูบหน้าใหม่

View icon 3.0K
วันที่ 30 พ.ค. 2566 | 10.52 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ทันตแพทย์ ด่านแรกเห็นรอยโรคมะเร็งในผู้สูบบุหรี่ จี้คุมบุหรี่ไฟฟ้า บังคับใช้กฎหมายจริงจัง สกัดนักสูบหน้าใหม่ที่เพิ่มไม่หยุด พบการสูบบุหรี่ไฟฟ้า 1 ครั้งเท่ากับสูบบุหรี่ปกติ 4 มวน

ทพ.อดิเรก ศรีวัฒนาวงษา นายกทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้จัดการโครงการเครือข่ายวิชาชีพทันตแพทย์ต้านภัยยาสูบ กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักสูบหน้าใหม่สนใจบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น ทั้ง ๆ ที่อันตรายไม่ต่างจากบุหรี่มวน จึงควรมีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด ซึ่งจะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถเข้ามาทดแทนบุหรี่ธรรมดาได้ เพราะการสูบบุหรี่ไฟฟ้า 1 ครั้ง เท่ากับสูบบุหรี่ปกติ 4 มวน ถือว่าอันตรายกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา และไม่ใช่ทางเลือกในการช่วยเลิกบุหรี่ธรรมดา ทันตแพทย์ ถือเป็นคนแรกที่เห็นรอยโรค รอยเนื้อเยื่อในปากที่อาจลุกลามกลายเป็นมะเร็งได้ 

“ทันตแพทย์ได้ช่วยให้คนที่สูบบุหรี่เลิกบุหรี่ได้หลายพันคน ช่วยคนที่เป็นรอยโรคและอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งในช่องปากได้ คนที่เลิกได้มีชีวิตที่ดีขึ้นช่วยให้ครอบครัวกลับมามีความสุขจากการเลิกบุหรี่ นอกจากนี้ ยังได้ช่วยให้ความรู้ที่ถูกต้องว่า การสูบบุหรี่ไม่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ถือเป็นการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนที่อยากลดละเลิกบุหรี่ และยังคงรณรงค์อยู่สม่ำเสมอ” ทพ.อดิเรก กล่าว 

ผศ.ดร.ทพ.ณัฐวุธ แก้วสุทธา ประธานแผนงานย่อยที่ 4 สนับสนุนนโยบาย ยุทธศาสตร์ สถาบันการศึกษาปลอดบุหรี่และพัฒนาแกนนำนิสิตนักศึกษาทันตแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ กล่าวว่า นิสิตนักศึกษาทันตแพทย์ ได้สอบถามความคิดเห็นของตัวแทนนักการเมือง สื่อมวลชน เด็กและเยาวชน เกี่ยวกับนโยบายบุหรี่ไฟฟ้า ระหว่างวันที่ 1-12 พฤษภาคม 2566 และรวบรวมความคิดเห็นนำเสนอในรูปแบบสารคดีสั้น “CHOOSE” โดยไม่ตัดสินว่าแบบไหนดีหรือไม่ดี แต่นำเสนอเพื่อให้ทุกคนเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ พร้อมทั้งส่งสัญญาณถึงผู้กำหนดนโยบายสุขภาพของประเทศว่าควรตระหนักถึงสุขภาพของเด็กและประชาชนก่อน ซึ่งนิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่ขอให้รัฐบาลกำหนดถึงสุขภาพของประชนในประเทศมาก่อนสิ่งอื่น ๆ โดยมีการประกาศเจตนารมณ์ พร้อมส่งจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลใหม่ 

นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่เป็นเป้าหมายใหญ่ของบริษัทบุหรี่ เพราะเป็นการขยายตลาด สร้างรายได้ ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องรณรงค์ในกลุ่มนิสิตนักศึกษา เพราะขณะนี้คนสูบบุหรี่อายุน้อยลงเรื่อย ๆ โดยพบว่าอายุน้อยที่สุดคือ 6 ขวบ โดยเฉพาะการขยายวงของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการออกมาในรูปแบบใหม่ ๆ จึงจำเป็นต้องให้ความรู้กับเยาวชน เสริมสร้างเครือข่ายเยาวชน ให้เพื่อนช่วยเพื่อน นิสิตนักศึกษาช่วยกันเอง โดยมีอาจารย์ ช่วยเสริมความรู้เรื่องโทษพิษภัยบุหรี่ เป็นพี่เลี้ยง ทำงานร่วมกัน ขณะเดียวกันเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพต่าง ๆ ก็จะต้องให้ความรู้ความเข้าใจกับเยาวชน ด้วยการย้ำว่า บุหรี่เป็นยาเสพติด การจะให้เลิกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพยายามให้ประชาชนได้รับความรู้มากที่สุด เพราะใช้กฎหมายบังคับเพียงอย่างเดียวไม่ได้ สิ่งที่ทำมาแล้วสำเร็จคือให้ความรู้อย่างจริงจัง

ด้านนายภูวนนท์ ชัยชนะอุดมกุล นิสิตคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในฐานะประธานโครงการ NoNo No Smoking Rabbit กล่าวว่า นิสิตนักศึกษาทันตแพทย์ต้านภัยยาสูบ ได้ทำจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้รัฐบาลเข้มงวดนโยบายการห้ามการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าและการจำหน่ายให้กับเยาวชน

ข้อเรียกร้อง
1.คงกฎหมายห้ามการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าและจัดจำหน่าย (Totally Ban) โดยให้รัฐบาลคำนึงถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชน
2.บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยดำเนินคดีกับผู้ขาย โฆษณา สื่อสารการตลาดบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อป้องกันการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้าที่ลักลอบจาหน่ายทางออนไลน์ให้แก่เด็กและเยาวชน
3.ขอให้รัฐบาลเร่งการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง และสนับสนุนการให้ข้อมูลที่ถูกต้องในประเด็นพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าแก่สังคมทุกช่องทาง

นางสาวกันติชา ชุมมะ (ติช่า เดอะเฟซ) นักแสดงและอินฟลูเอนเซอร์ กล่าวว่า การสื่อสารให้เด็กและเยาวชนในยุคโซเชียลมีเดีย เข้าใจเรื่องโทษพิษภัยของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในคนที่อายุน้อยกว่า 25 ปี มีโจทย์สำคัญ คือ ข้อมูลที่จะส่งออกไปต้องสนุก เข้าใจง่ายและสื่อสารไปถึงคนกลุ่มนี้โดยตรง หรือสื่อสารผ่านอินฟลูเอนเซอร์ ที่มีความใกล้ชิดกับคนรุ่นใหม่เพื่อให้เกิดความเข้าใจเรื่องโทษพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริง