"ชูวิทย์" แฉจีนสีเทาภาค 2 คาราโอเกะปาร์ตียาเสพติด จ่ายส่วยเคลียร์ผ่าน “รองฯ ห” กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลาง จีนเทาลงทุนเปิด KTV มิกซ์รวมร้องเพลง ยาเสพติด ผู้หญิง บ่อน ไซซ์เล็ก 200-300 ล้าน “โรม” ต่อสายขอข้อมูลกลางวงแถลงข่าว
ทลายคาราโอเกะหรู นักท่องเที่ยวจีนมั่วสุมเสพยา วันนี้ (2 มิ.ย.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ แถลงแฉจีนสีเทาภาค 2 โดยเปรียบเทียบระหว่างผับจินหลิงกับไดมอนด์คาราโอเกะ ค่าบริการห้องละ 1 แสนบาท โดยสถานบันเทิงทั้ง 2 แห่ง เปิดให้บริการในลักษณะเดียวกันมียาเสพติด ยาเค แฮปปี้วอเตอร์ มีผู้หญิง และบ่อน เรียกว่า KTV เป็นระบบที่มิกซ์กัน ภายในจะซอยเป็นห้อง ให้บริการกินดื่ม ร้องเพลง มีผู้หญิงบริการ และยาเสพติด ขายเป็นแพ็กเกจเมมเบอร์
นายชูวิทย์ ระบุว่า “ไดมอนด์ เป็นของ นายอาจ๋าย รวบรวมเงินกับหุ้นส่วน 10 หุ้น ตกลงเช่าแต่ยังไม่ได้ทำสัญญากับ “เมรี” ติดต่อหาผู้หญิงผ่าน “ชายเล็ก” และมีนายน้าชื่อ “บังมัด” ติดต่อเคลียร์ในท้องที่กับรอง ชื่อเล่นอักษรย่อ “ห”
ไดมอนด์เป็นเพียง KTV ไซซ์เล็ก ไม่ใหญ่เท่าผับจินหลิง ไม่ใช่เท่า KTV ในท้องที่สุทธิสารที่กำลังเตรียมเปิดให้บริการภายในสัปดาห์นี้ สำหรับ KTV เป็นการลงทุนใหม่ของคนจีนสีเทา ใช้เงินประมาณ 40-50 ล้านหยวน หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท กรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางของจีนสีเทา ยังไม่รวมพัทยาและภูเก็ต พวกนี้ไม่รับลูกค้าไทย รับเฉพาะลูกค้าชาวจีน ราคาของการเคลียร์ไม่เท่ากัน เพระมีทั้งยาเสพติดและผู้หญิง หากไม่มีส่วยก็เปิดไม่ได้ เพราะเป็นสถานที่เปิดเผย เปิดติดถนน ไม่ได้หลบๆ ซ่อนๆ
สิ่งที่กลุ่มจีนสีเทากลัว คือแก๊งจีน จีนอุ้มจีน ตอนนี้จำเป็นต้องทลายระบบส่วย ตนพร้อมนำข้อมูลไปมอบให้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ สส.พรรคก้าวไกล ปัญหาส่วยต้องรีบแก้ไข ต.ม.ปล่อยให้จีนสีเทา ซึ่งมีหมายแดงติดตัวเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร เรากลัวอเมริกาสีเทา แต่ปัญหาคืออิทธิพลของจีนเข้ามาในไทยเยอะมาก คอลเซ็นเตอร์-ยาเสพติด กฎหมายจีนลงโทษหนัก ยาเสพติดก็หายาก หลายประเทศจึงตกเป็นเป้าหมายของจีนเทา โดยไทยกลายเป็นศูนย์กลาง ธุรกิจสีเทาเปิดไม่ได้ถ้าไม่มีส่วย
ทั้งนี้ ระหว่างการแถลงข่าวนายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ สส.พรรคก้าวไกล โทรศัพท์ประสานขอข้อมูลกลุ่มจีนสีเทา โดยมีการนัดหมายเพื่อส่งมอบข้อมูล
( คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : บุกทลายปาร์ตียาเสพติด คาราโอเกะหรูห้องละแสน ลับเฉพาะ นทท.จีน )
