ค้นบริษัท สอดอสไตล์ หลังไม่ส่งงบดุล ต้องสงสัยตกแต่งบัญชีรายได้

ค้นบริษัท สอดอสไตล์ หลังไม่ส่งงบดุล ต้องสงสัยตกแต่งบัญชีรายได้

View icon 5.1K
วันที่ 24 มิ.ย. 2566 | 09.13 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ค้นบริษัท สอดอสไตล์ หลังไม่ส่งงบดุล ต้องสงสัยตกแต่งบัญชีรายได้ เจอความผิดเพิ่มอีก 4 ข้อหา เจ้าตัวยอมรับสารภาพ

(24 มิ.ย.2566) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันตรวจค้นบริษัท 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท สอดอ สไตล์ จำกัด, บริษัท ไดนี่ กรุ๊ป จำกัด, บริษัท คาราเมล บิสคิท จำกัด และ บริษัท แฮปปี้ทรีเฟรนด์ จำกัด ซึ่งอยู่ในพื้นที่บริเวณถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ                            

สืบเนื่องจากตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้รับเรื่องร้องเรียน ให้ตรวจสอบบุคคลและบริษัทเนื่องจากมีทรัพย์สินและพฤติกรรมใช้ชีวิตประจำวันอย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งบุคคลดังกล่าวมีการโพสต์ไลฟ์สด ว่า เสียเงินจากการเล่นพนันออนไลน์ จำนวน 35 ล้านบาท ในช่วงปีที่ผ่านมาตามสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นข่าว ผู้ร้องจึงขอให้มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว เนื่องจากมีประชาชนบางส่วนรับชมรายการผ่านช่องทาง Youtube และ Facebook ถูกเชื้อเชิญให้ซื้อสินค้าต่าง ๆ โดยข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าบุคคลผู้มีพฤติกรรมดังกล่าวเป็น Youtuber ชื่อดัง มีผู้ติดตามหลายล้านคนในสื่อสังคมออนไลน์ โดยบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของกิจการหลายบริษัท โดยพบว่าไม่ได้ยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าบริษัท ที่ Youtuber คนนี้เป็นเจ้าของกิจการ มีการยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่าความเป็นจริงโดยไม่สอดคล้องกับทรัพย์สิน และพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการใช้เงินเล่นการพนันตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 ถึงปัจจุบัน รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จึงน่าเชื่อว่ามีความผิดปกติทางบัญชี และอาจเกี่ยวเนื่องไปจนถึงการเสียภาษีประจำปี

หลังเข้าตรวจค้นพบว่า บริษัทของ Youtuber ชื่อดังและแฟนหนุ่มที่เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นนั้น มีความผิดอื่น ๆ ตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 และ พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 ในข้อหา ดังนี้
1. ไม่ได้จัดเก็บเอกสารทางบัญชีไว้ที่สถานประกอบการ ซึ่งไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 โทษตาม มาตรา 31 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
2. ไม่ได้จัดทำใบหุ้นมอบให้กับผู้ถือหุ้น อันเป็นความผิดตามาตรา 8 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
3. ไม่ได้จัดทำสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 10 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
4. มีการย้ายเปลี่ยนแปลงสำนักงานและเพิ่มสาขาที่ใช้ในการประกอบกิจการ ซึ่งไม่ส่งคำบอกการเปลี่ยนย้ายสำนักงานแก่นายทะเบียนเพื่อจดทะเบียน อันเป็นความผิดตามมาตรา 14 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

โดยทั้ง 2 บริษัท มีโทษปรับทั้งส่วนนิติบุคคล และกรรมการที่มีอำนาจลงนามในฐานะบุคคล รวมโทษปรับสูงสุดที่ 275,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเอกสารทางบัญชีของบริษัทที่อาจเข้าข่ายความผิดในเรื่องการรายงานเท็จ แก้ไข ละเว้นการลงรายการในบัญชีหรือ งบการเงิน หรือแก้ไขเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีเพื่อให้ผิดความเป็นจริง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543

เมื่อสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาข้างต้น และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเรื่องเอกสารทางบัญชีของบริษัทเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขอเตือนภัย นิติบุคคลมีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ครบถ้วน เช่น การจัดเก็บเอกสาร ณ ที่ตั้ง, การจัดทำใบหุ้น, สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น, นำส่งงบการเงินและรายงานประจำปี ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หากปฏิบัติไม่ตรงตามระยะเวลาหรือระเบียบที่กำหนด จะมีโทษปรับ ตามที่กฎหมายกำหนด และการทำบัญชีประจำปีควรทำให้ถูกต้อง หากเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบและพบการกระทำความผิดในเรื่อง รายการเท็จ แก้ไข ละเว้นการลงรายการในบัญชีหรืองบการเงิน ซึ่งเป็นการทุจริต ถือเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งผู้จัดทำบัญชี ผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง