เช้าข่าว 7 สี - แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งทุกหน่วย เพิ่มกำลัง และเร่งติดตามกลุ่มคนร้าย หลังก่อเหตุคาร์บอมบ์ และในหลายจุดในช่วงที่ผ่านมา เชื่อผู้ก่อเหตุต้องการป่วนสร้างสถานการณ์ เป็นการซ้ำเติมความทุกข์ยากของประชาชนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
โดยเมื่อวานนี้ (6 ส.ค.) พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ ระเบิดรถยนต์เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ถนนพาดรถไฟ แยกบุญลาภ ตำบลสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยได้กำชับให้ทุกหน่วย เพิ่มกำลัง และตรวจสอบกลุ่มบุคคลเป้าหมายให้เข้มงวดขึ้น พร้อมทั้งให้เร่งติดตามตัวกลุ่มคนร้ายโดยเร็ว เนื่องจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ชัดเจน โดยพบว่ามีคนร้าย 4 คน ใช้รถยนต์ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 2 คันในการก่อเหตุ อีกทั้งพบว่า ก่อนเกิดเหตุระเบิด คนร้ายได้มีการขว้างไปป์บอมบ์ 1 ลูก และยิงใส่ป้อมตำรวจด้วยอาวุธปืนอากาหลายนัด ก่อนที่ระเบิดคาร์บอมบ์จะทำงานในเวลา 4-5 นาทีหลังจากที่หลบหนี ซึ่งเหตุการณ์นี้ เคราะห์ดี ที่ไม่มีใครเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่นั่นเป็นการซ้ำเติมประชาชน โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจในพื้นที่
โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุด EOD และชุดพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบ พบว่าส่วนประกอบของระเบิดมีการใช้ถังก๊าซหุงต้มจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากยังมีตกค้าง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 30 กิโลกรัม ลักษณะไม่ทำงาน 1 ลูก จึงเก็บกู้ไปทำลาย
ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางเข้ามาก่อเหตุและหลบหนี พบว่ากลุ่มคนร้ายมาจากอำเภอสุไหงปาดี และเมื่อก่อเหตุเสร็จ คนร้ายได้กลับไปทางบ้านปอเนาะ ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวก่อเหตุ ในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี
ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงยังพบว่า รูปแบบการก่อเหตุของคนร้าย ใช้แผนปทุษกรรมลักษณะเดียวกับเหตุลอบวางระเบิดแฟลตตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส เมื่อปลายปี 65 ที่ซื้อรถลักษณะโอนลอยมาใช้ก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติการซื้อ-ขายรถคันนี้พบว่า มีการซื้อขายกันหลายทอด ที่ขายไปที่อำเภอจะนะ ไปจังหวัดสงขลา และไปอีกหลายทอด กระทั่งข้อมูลล่าสุด รถคันนี้ถูกขายมาในพื้นที่ตำบลมูโนะ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเรียกตัวเจ้าของรถที่ครอบครองรถคนสุดท้าน เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเร่งติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
ส่วนบนถนน บริเวณจุดเกิดเหตุคาร์บอมบ์ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ได้เก็บซากรถและชิ้นส่วนความเสียหายออกจากถนน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามรถใช้สัญจรได้แล้ว