ห้องข่าวภาคเที่ยง - ทีมข่าวยังเกาะติด การจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐ ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ที่ในขยี้ข่าวใหญ่ เปิดเผยตัวเลขการจ่ายส่วยของเจ้าของโกดังเก็บประทัดที่ระเบิด วันนี้ มีข้อมูลว่า นอกจากประทัดแล้ว ที่นั่นยังมีส่วยจากสินค้าอีกหลายประเภท ที่ผู้ค้าถูกเรียกเก็บจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน
การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย นอกจากด่านพรมแดนทุกด้าน ๆ แล้ว ก็ยังมีช่องทางธรรมชาติ จำนวนมาก ที่ทั้งชาวไทยและมาเลเซีย เดินทางไปมาหากันได้สะดวกตลอด 24 ชั่วโมง
โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ ข้ามแม่น้ำโก-ลก ซึ่งมีท่าเรือธรรมชาติตลอดแม่น้ำ และที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุโกดังเก็บประทัด และดอกไม้เพลิง ระเบิด ก็พบว่า นอกจากจะมีการลักลอบนำประทัดในโกดังที่เกิดเหตุ ลักลอบส่งไปขายที่มาเลเซีย ผ่านช่องทางธรรมชาติแล้ว ที่ตลาดมูโนะ ยังมีการค้าขายสินค้าหนีภาษีหลากหลายประเภท
ที่ผ่านมา สินค้าประเภทอุปโภคบริโภค มีการค้าขายเหมือนสินค้าทั่วไทย ทั้งนำเข้า และส่งออก เช่น ข้าวสาร แป้ง น้ำมันพืช น้ำมันเชื้อเพลิง หรือสินค้าทางเกษตร เช่น กระเทียม หัวหอม
ส่วนเส้นทางก็ลำเลียงทางเรือ ข้ามแม่น้ำโก-ลก และทั้งฝั่งไทยและมาเลเซีย ก็ใช้ช่องทางธรรมชาติ เหมือนกันจนกลายเป็นเรื่องปกติ
ด้วยสิ่งนี้ ถึงมีการกล่าวขานว่า เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน อยากที่จะไปทำงานในพื้นที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งการค้าขายสินค้าหนีภาษี ระยะหลัง มีคนนอกพื้นที่เข้าไปในหมู่บ้านมูโนะ แล้วยกระดับการค้าสินค้าหนีภาษี จากสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปที่มีการค้ามานาน เป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย 100 เปอร์เซ็น นั่นก็คือ ยาเสพติด และการค้ามนุษย์
แต่พื้นที่ตำบลมูโนะ แทบไม่มีบุหรี่หนีภาษี เพราะส่วนใหญ่จะลักลอบขนในพื้นที่เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และอำเภอตากใบ เนื่องจากมีโกดังที่ลักลอบเก็บได้ และง่ายต่อการลำเลียง อีกทั้งยังมีลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อมีสินค้าหนีภาษี ก็หนีไม่พ้นเรื่องการจ่ายส่วย หรือจ่ายรายการ ให้เจ้าหน้าที่รัฐ หลายหน่วยงาน
แหล่งข่าวยืนยันกับทีมข่าว 7HD ว่า เจ้าภาพหลักเก็บส่วยก็ต้องตำรวจในพื้นที่ และตำรวจสังกัดหน่วยต่าง ๆ เช่น ตำรวจน้ำ หรือ ฝ่ายปกครอง ก็เป็นเจ้าหน้าที่ อส. รวมทั้ง ทหารประจำแนวชายแดน ส่วนมูลค่าที่ต้องจ่ายจะอยู่ที่ขนาดหรือจำนวนสินค้าแต่ละประเภท แต่ไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ ต้องจ่ายรายการทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะถูกจับหรือถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งรับรองว่า การค้าสินค้าหนีภาษีจะไม่ราบรื่น ส่วนวิธีบางรายก็เลือกช่องทางการโอนให้
ซึ่งข้อมูลจากแหล่งข่าว ยืนยันว่า ฝ่ายปกครองในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก เช่น เจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน หรือ อส. เป็นอีกหน่วยงานที่เข้าไปเก็บส่วยการค้าสินค้าหนีภาษี จากผู้ค้าสินค้าหลายประเภท ในตำบลมูโนะ โดยผู้ค้าแต่ละรายจะถูกเก็บส่วยเฉลี่ยรายละ 2,000-30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งผู้ค้ามีหลายร้อยราย จึงคาดว่ารายได้จากการเก็บส่วยมีมหาศาล แต่แหล่งข่าวก็ยังไม่มั่นใจว่า การเรียกเก็บนี้เป็นการกระทำส่วนตัว หรือนำไปส่งให้ผู้บังคับบัญชา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องตรวจสอบข้อมูลเรื่องดังกล่าว
ส่วยมูโนะ นอกจากเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐบางกลุ่ม นำผลประโยชน์เข้าตัวเองแล้ว ยังทำให้สินค้าการเกษตรของบ้านเราราคาตกต่ำด้วย เกษตรกรเดือดร้อนกันถ้วนหน้า นอกจากนี้ ยังพบว่าสถานบันเทิงในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ยังเปิดเกินเวลาให้นักเที่ยวเข้าไปเที่ยว อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายด้วย