อมรัตน์ขอความเป็นธรรม ก้าวไกล ไม่ได้อยู่เบื้องหลังม็อบ

อมรัตน์ขอความเป็นธรรม ก้าวไกล ไม่ได้อยู่เบื้องหลังม็อบ

View icon 224
วันที่ 8 ส.ค. 2566 | 19.17 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ก้าวไกล ปัดอยู่เบื้องหลังม็อบ ลั่นขอความเป็นธรรม เพราะพรรคไปบังคับใครไม่ได้ ยืนยันไม่สนับสนุนความรุนแรง

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีที่มีม็อบบางกลุ่ม ที่แสดงความก้าวร้าว ว่าเป็นผลผลิตมาจากพรรคก้าวไกล ว่า ไม่จริง เพราะว่าตอนนี้มีสื่อออนไลน์มากมายที่ทุกคนได้อ่านฟัง หรือเห็นเอง ซึ่งทุกคนเติบโต เป็นผู้ใหญ่แล้ว เราก็ไม่ได้ไปเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอะไรทั้งสิ้น ช่วงที่ม็อบเบ่งบานเราอาจจะมีบทบาทในการไปประกันตัว เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นได้ออกมาต่อสู้คดี ซึ่งเราก็ไม่ได้บอกว่าพวกเขาเหล่านั้นถูกหรือผิด เพราะคนที่จะตัดสินว่าถูกหรือผิดมีแค่ศาลเท่านั้น แต่ช่วงที่ต่อสู้คดี ตนคิดว่าตามกฏหมายแล้วพวกเขามีสิทธิ์ที่จะออกไปต่อสู้คดี

น้องๆ เยาวชนยุคนี้ ใครจะสามารถไปชี้นำเขาได้ พวกเขามีความคิดเป็นของตัวเอง แม้แต่คุณพ่อคุณแม่พวกเขาบอก เช่น ปลุกให้ตื่น หากพวกเขาไม่เห็นด้วยก็ยังไม่ทำตามเลย ซึ่งเราไม่ใช่ผู้ปกครองเขาและเราไม่ได้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งถ้าใครทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด แต่จะเหมารวมว่าพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง มันไม่ใช่ ก็ขอความเป็นธรรมด้วย

นางอมรัตน์ บอกอีกว่า ไม่ได้หมายความว่าจะปัดอะไรให้พ้นตัวด้วย แต่พูดตามข้อเท็จจริง แต่ละคนก็มีชีวิตจิตใจความคิดเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบแรก พวกเขายังไม่ให้ สส. ขึ้นเวที เพราะว่าเป็นเวทีของประชาชน ซึ่งเราก็ไม่เคยไปสนับสนุนเรื่องเงินทอง หรือว่าเรื่องอะไร เพียงแต่ว่าจะช่วยเหลือปรึกษาเรื่องกฎหมายในช่วงปี 63-65 ซึ่งพวกเราเองก็ไม่ได้รู้จักน้องๆ เยาวชนทุกคน หรือทุกกลุ่ม จะรู้จักแค่บางคนเท่านั้น ส่วนใหญ่จะรู้จักกับกลุ่มแรกๆ เช่น เพนกวิน อานนท์ โตโต้ ลูกเกด ซึ่งตอนนี้บางคนก็มาเป็น สส. ของพรรคก้าวไกลแล้ว แต่กลุ่มใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้รู้จักส่วนตัวทุกคน ถึงจะมีรู้จักบ้าง แต่ก็รู้จักห่างๆ เพราะไม่อยากทำตัวเป็นคุณแม่ ที่ต้องคอยชี้นำว่าต้องทำอะไรหรือว่าไม่ทำอะไร ถึงต่อให้บอกไปพวกเขาก็ไม่ทำตามที่พวกเราพูดหรอก เพราะว่า มีความคิดอ่านเป็นของตัวเอง

จึงอยากขอความเป็นธรรม และย้ำว่าไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่พูดด้วยความสัตย์จริง และหากจะให้พวกเราไปสั่งสอนก็ไม่กล้าสั่งสอนด้วย เพราะจะเอาสิทธิ์อะไรไปบอกเขา พวกเขาไม่ได้เป็นคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของพวกเรา จะไปสั่งสอนอะไรเดี๋ยวก็โดนเด็กตอกหน้ากลับมา ก็ทำได้แต่เฝ้ามอง ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นเด็กกลุ่มใหม่ๆ แต่หากเป็นกลุ่มพวกเพนกวิน ก็พอจะพูดคุยกันได้

สำหรับตอนนี้ตนก็ไม่ได้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กลุ่มทะลุวัง มาชุมนุมที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ ซึ่งถ้าหากเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่งก็ไม่ได้สนับสนุนที่จะให้ทำอะไรที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่ตอนนี้สังคมกำลังมองว่า พรรคก้าวไกลเป็นเนื้อเดียวกับกลุ่มผู้ชุมนุม ยกตัวอย่างเช่นม็อบทะลุแก๊ส ที่เคยแสดงความโกรธเกรี้ยวของพวกเขาที่มีต่อสังคม เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งเราเองก็ไม่ชอบให้ใครมาชี้นิ้วสั่งสอน เพราะฉะนั้น เราก็ไม่กล้าไปชี้นิ้วหรือบอกอะไรกับใคร เราไม่กล้าทำ