สลด! 2 นร.หญิงขี่รถ จยย.ฝ่าฝนไปโรงเรียน ถูกรถพ่วง 18 ล้อเหยียบร่างเละดับคู่

สลด! 2 นร.หญิงขี่รถ จยย.ฝ่าฝนไปโรงเรียน ถูกรถพ่วง 18 ล้อเหยียบร่างเละดับคู่

View icon 1.5K
วันที่ 25 ส.ค. 2566 | 17.08 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สลด! ญาติร่ำไห้ 2 นร.หญิงขี่รถ จยย.ฝ่าฝนไปโรงเรียน ถูกรถพ่วง 18 ล้อเหยียบร่างเละดับคู่ คนขับยืนรอมอบตัว อ้างมองไม่เห็นเด็ก

วันนี้ (25 ส.ค.66) พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เหยียบเด็กนักเรียนหญิงเสียชีวิต 2 คน เหตุเกิดบริเวณหน้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดอุดรธานี ต.นิคมสงเคราะห์ หลักกิโลเมตรที่ 14  ถนนอุดร-หนองบัวลำภู ฝั่งขาเข้าเมืองอุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน รุดออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุ พบศพ น้องเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี และ ด.ญ.บี อายุ 14 ปี ทั้งสองเป็นนักเรียนในจังหวัอุดรธานี  สภาพศพถูกรถชนและเหยียบร่าง  ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์สีเทาดำ ล้มตะแครงอยู่ริมถนนพังเสียหายเล็กน้อย มีญาติผู้เสียชีวิตที่ทราบข่าวเดินทางมาที่เกิดเหตุ ต่างร้องไห้ด้วยเศร้าโศกเสียใจ สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ที่พบเห็น 

ห่างไปประมาณ 800 เมตร รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว จอดอยู่ริมถนน ไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน มีนายอนันต์ อายุ 38 ปี แสดงตัวเป็นผู้ขับรถบรรทุกพ่วง ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ เบื้องต้นได้ควบคุมตัวคนขับรถพ่วงไป สภ.ห้วยหลวง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนศพผู้เสียชีวิตนำไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี รอญาติติดต่อรับศพ นำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

นายอนันต์ คนขับรถพ่วง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถบรรทุกหินจาก อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู จะไปส่งให้นายจ้างที่ อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี ออกมาตั้งแต่ 05.00 น. และขับมาด้วยความเร็วปกติ ก่อนถึงจุดเกิดเหตุตนเบี่ยงเข้าเลนขวาเล็กน้อย เพื่อแซงรถจักรยานที่ปั่นอยู่ข้างหน้า เมื่อแซงไปได้สักพักก็มีคนขี่รถจักรยานยนต์ตามมาบอกให้จอด ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุ เมื่อจอดรถแล้วก็ลงมายืนรออยู่หน้ารถ ไม่ได้หลบหนี และโทรบอกนายจ้าง ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาสอบถาม

“ตนขับรถพ่วงมาตามปกติ ไม่ได้ชนรถจักรยานยนต์ ไม่ได้ชนอะไรทั้งสิ้น และไม่รู้ว่าเหยียบคนตาย ไม่เห็นเด็กขับรถจักรยานยนต์มาด้วยซ้ำ พอรู้ว่าเป็นเด็กนักเรียน ตนก็ตกใจมาก เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตนก็มีลูกเรียนอยู่ชั้น ม.2 เช่นกัน พูดถึงก็ยังสลดใจ ขนลุกไปหมด ขอโทษญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตด้วย ตนก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และจะช่วยทำบุญกับญาติผู้ตายด้วย”

หลังจากนั้นญาติผู้ตาย ได้เดินทางมาที่ สภ.ห้วยหลวง เพื่อมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับตำรวจ และได้พูดคุยสอบถาม นายอนันต์ ว่าเหตุเกิดขึ้นอย่างไร นายอนันต์ได้ยกมือไหว้ขอโทษ ส่วนญาติพี่น้องก็รับฟังด้วยความเข้าใจ แต่ก็ร้องไห้เสียใจอยู่ตลอดเวลา

ด้าน ยายน้องเอ เล่าทั้งน้ำตาว่า เด็กทั้ง 2 คนเป็นญาติกัน พ่อแม่ของทั้งคู่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ  ปกติน้องเอจะนั่งรถตู้รับส่งไปโรงเรียน ส่วนน้องบีนั่งรถโดยสารไปเอง แต่เมื่อเย็นวานนี้น้องบีมานอนกับน้องเอ เมื่อเช้านี้ทั้งสองจึงขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียนด้วยกัน ตนบอกให้เอาหมวกกันน๊อก ตาบอกให้เอาเสื้อกันฝน สั่งหลานว่าอย่าขับรถเร็วเพราะฝนมันตก ทั้งสองได้ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันออกไปไม่นานก็มีเจ้านหน้าที่มาแจ้งว่ารถชนน้องเอและน้องบีเสียชีวิต

“ตนมีลางสังหรณ์ เมื่อ 2-3 วันก่อน รถยนต์พ่อน้องเอ ซึ่งจอดอยู่ในบ้าน แต่เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นมาเอง เสียงดังมากจนตกใจ และหนังตาข้างขวาของตนกระตุกหลายครั้ง ซึ่งคนโบราณเชื่อว่าตากระตุกข้างขวาเป็นเรื่องร้าย ข้างซ้ายเป็นเรื่องดี เมื่อเช้านี้ตนก็ยังเห็นหลานทั้งสองอยู่เลย แต่ตอนนี้หลานเสียชีวิตแล้ว ซึ่งญาติกำลังไปติดต่อรับศพน้องเอไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด  ส่วนน้องบีนำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน

ด้าน พ.ต.ท.ศิริชัย เผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการเฉี่ยวชน รถจักรยานยนต์มีร่องรอยการล้มที่ด้านหน้าเล็กน้อย พื้นถนนมีรอยลากเป็นทางยาวประมาณ 3 เมตร คาดว่าเกิดจากรถพ่วงเกี่ยวรถจักรยานยนต์บดไปกับพื้นถนน ส่วนรถพ่วงก็ไม่มีร่องรอยการชน คาดว่าเด็กขับรถจักรยานยนต์เพื่อรีบไปโรงเรียน แต่เนื่องจากฝนตกตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ทำให้มีน้ำขังบนพื้นถนน อาจจะทำให้ลื่นและล้มลง เมื่อรถพ่วงขับตามมา พ่วงตัวลูกจึงเหยียบเข้าอย่างจัง โดยยังไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะได้สอบสวนคนขับรถพ่วงอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต”