ห้องข่าวภาคเที่ยง - จากปฏิบัติการที่ DSI บุกเข้าให้การช่วยเหลือ เด็กชายแทนไท ที่เชื่อว่าเกิดจากการอุ้มบุญผิดกฎหมาย เมื่อเดือนพฤษภาคม ผ่านมา 3 เดือน คดีนี้ยังไม่จบ มีการขยายผลต่อจนช่วยเหลือเด็กที่กำลังจะถูกส่งตัวไปต่างประเทศได้อีก 6 คน
ย้อนไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ขยายผลคดีพิเศษ ขบวนการลักลอบจัดหาหญิงไทยรับจ้างอุ้มบุญ ให้กับผู้ว่าจ้างชาวต่างชาติ ที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในจังหวัดหนองคาย พบว่า มีเด็กที่น่าเชื่อว่าเกิดจากการอุ้มบุญดังกล่าว ถูกนำมาฝากเลี้ยงไว้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร
จึงประสานเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร, ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ และ สน.บางพลัด ไปตรวจค้นห้องพักบนชั้นที่ 23 คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ริมถนนสุขุมวิท ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นจุดแรก แต่ไม่พบตัวเด็ก พบเพียงหลักฐาน เช่น ขวดนมเด็ก, ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ จึงตรวจยึดไว้ ก่อนจะไปจุดที่ 2 ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในซอยจรัญสนิทวงศ์ 53 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร จึงช่วยเหลือเด็กชายแทนไทไว้ได้สำเร็จ ก่อนที่ต่อมา พนักงานสอบสวน DSI จะออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องไว้ 2 คน
ผ่านมา 3 เดือน นายอัษฏาวุธ ศรีปิตา ผู้ช่วยโฆษก DSI และ ร้อยตำรวจเอก ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ DSI ได้แถลงความคืบหน้าคดีนี้ บอกว่า จากหลักฐานที่รวบรวมได้ DSI มีเป้าหมายจะไปให้การช่วยเหลือเด็กชาย 2 คน จึงขอหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักเป้าหมายในจังหวัดหนองคาย รวมถึงสถานพยาบาล 3 แห่ง ที่เกี่ยวข้อง แม้จะไม่เจอเด็กชายที่ตามหา แต่กลับไปพบเด็กอีก 6 คน ที่เตรียมพาตัวส่งไปประเทศจีนในเร็ว ๆ นี้แทน
พร้อมกันนี้ ยังจับกุมสามีของนายหน้า ขบวนการอุ้มบุญ พาตัวไปสอบสวนและส่งตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง และออกหมายจับชายชาวจีน เพิ่มอีก 1 คน
สำหรับเป้าหมายของขบวนการอุ้มบุญ จากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบความเป็นไปได้ 2 กรณี กรณีแรก เกิดจากพ่อและแม่ชาวต่างชาติต้องการอยากมีลูกจริง ๆ จึงเลือกวิธีนี้ ส่วนกรณีที่ 2 คือ ผู้ว่าจ้างต้องการเด็กที่มีสายเลือดของตนเอง เพื่อที่จะนำไปผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะกับผู้ว่าจ้าง ซึ่งที่ผ่านมา DSI ได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับสถานทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อร่วมกันขยายผลสืบสวนหาข้อเท็จจริงในคดีนี้แล้ว