สภาองค์กรของผู้บริโภค สวนกลับ กทม. อนุญาต หรือทำโครงการคอนโด ต้องไม่ให้ประชาชนและชุมชน ต้องเหนื่อยฟ้องคดีโดยไม่จำเป็น จี้ ทบทวน อนุญาตก่อสร้างคอนโดฯในซอยแคบ 3 แห่ง
วันนี้ ( 9 ก.ย.66) นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างอาคารสูง หรือ คอนโดมีเนียมในซอยแคบ 3 แห่ง คือ โครงการเอส ประดิพัทธ์ (ประดิพัทธ์ ซอย 23) โครงการเอส รัชดา (รัชดา ซอย44) และ โครงการเดอะมูฟ (พหลโยธิน 37) ที่อาจเข้าข่ายมีขนาดความกว้างของถนนไม่ถึง 6 เมตร ตามกฎหมายตามที่มีประชาชนและชุมชนดั้งเดิม ร้องเรียนเข้ามากกว่า 1 พันราย และพบว่า ความกว้างของถนนส่วนใหญ่มีความกว้างไม่ถึง 6 เมตรตามกฎหมายกำหนด หลังกรุงเทพมหานคร ชี้แจง การตรวจสอบรังวัดโครงการเอส – รัชดา (รัชดา ซอย 44) จากปากซอยรัชดาภิเษก 44 ถึงบริเวณหน้าโครงการฯ มีความกว้างเขตทางสาธารณะ ไม่น้อยกว่า 6 เมตร และโครงการ เดอะมูฟ (พหลโยธิน 37) จากปากซอยพหลโยธิน 37 ถึงบริเวณหน้าโครงการฯ มีความกว้างเขตทางสาธารณะ 6.20 – 7.70 เมตร
นางสาวสารี ย้ำว่า การตรวจสอบและรังวัดระยะถนนดังกล่าว พร้อมมีผู้แทนของกรุงเทพมหานคร พบว่า ระยะความกว้างของถนนที่สามารถใช้สัญจรได้จริงในซอยส่วนใหญ่มีความกว้างไม่ถึง 6 เมตร หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 5.6 ถึง 5.8 เมตร ผิวการจราจรบางจุดมีความกว้างเพียง 4 เมตรเศษก็มี โดยที่จะมีบางจุดเท่านั้นที่มีขนาดเกิน 6 เมตรไม่เป็นไปตามข้อบัญญัติกทม. เรื่องควบคุมอาคาร พ.ศ.2544 ข้อ 90 ที่ระบุว่า สถานที่ที่มีที่จอดรถเกิน 15 คันจะต้องมีทางเชื่อมไปสู่ทางสาธารณะที่มีขนาดตั้งแต่ 6 เมตร อีกทั้ง การรังวัดของสภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ที่ไม่นับรวมกับ ตู้ชุมสายโทรศัพท์ เสาไฟฟ้า ร่องน้ำ ฟุตบาททางเท้า
ซึ่งปัญหาอาคารขนาดใหญ่ในซอยแคบ มีปัญหาไม่เฉพาะประเด็นระยะความกว้างของถนนอย่างเดียว ยังส่งผลกระทบกับอีกหลายเรื่อง ทั้งการดำเนินชีวิต ชุมชนดั้งเดิม ที่มีทั้งตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล สภาวะสิ่งแวดล้อม มลภาวะทางเสียง การจราจร ที่จอดรถ และการเข้าให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเพลิงไหม้ ในชุมชนหรือพื้นที่ที่ใกล้เคียงจะไม่สามารถดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม สภาองค์กรของผู้บริโภค จะนำข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้จัดทำเป็นรายงานและส่งเสนอขอให้กรุงเทพมหานคร ทบทวนการอนุญาตก่อสร้างเพื่อความปลอดภัยและปกป้องคุ้มครองสิทธิของประชาชน