ข่าวเย็นประเด็นร้อน - "หมออ๋อง ปดิพัทธ์" ชี้แจงปมเบิกเงินกว่า 1.3 ล้านบาท เพื่อเดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ หลังถูกโซเชียลไล่ขุด อ้างนอนโรงแรมคืนละหมื่นกว่าบาท และนั่งเครื่องบินชั้นนักธุรกิจ
ดรามา! ปดิพัทธ์ เบิกเงิน 1.3 ล้านบาท บินดูงานสิงคโปร์
ความเคลื่อนไหวการเมืองวันนี้ (18 ก.ย.) เริ่มกันที่ประเด็นดรามาร้อนแรงบนโลกโซเชียล ภายหลังมีการแชร์เอกสารข้อมูล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และคณะ รวม 12 คน มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-25 กันยายนนี้ โดยมีการใช้งบประมาณเป็นเงิน 1,379,250 บาท เพื่อวัตถุประสงค์ศึกษาดูงาน ด้านระบบสารสนเทศ การบริหารจัดการแรงงานของคนไทย และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
โดยรายชื่อคณะทั้ง 12 คน ในจำนวนนั้น 7 คน เป็น สส. ซึ่ง 6 ใน 7 คน เป็น สส.จากพรรคก้าวไกล ส่วนอีกคนมาจากพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้งบประมาณกว่า 1.3 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน 438,750 บาท (ของ สส.7 คนเป็นชั้นธุรกิจ คนละ 51,250 บาท), ค่าเบี้ยเลี้ยง 120,400 บาท, ค่าเช่าที่พัก 425,000 บาท (ของ สส.7 คน คืนละ 12,500 บาท)
ปดิพัทธ์ อ้างดูงานสิงคโปร์ ใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์
ล่าสุด นายปดิพัทธ์ ชี้แจงว่าเป็นฝ่ายติดต่อไปยังสิงคโปร์ เพื่อขอเข้าไปดูงานเอง หวังนำรูปแบบการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมาปรับใช้ ส่วนประเด็นที่หลายคนมองว่าใช้งบประมาณแพงเกินไป ขอย้ำว่าได้ให้นโยบายเรื่องการใช้งบแบบประหยัดไปแล้ว โดยค่าที่พักที่มีการระบุว่า คืนละ 12,500 บาท แต่ข้อเท็จจริงไม่ได้สูงแบบนั้น
ขณะที่ราคาตั๋วเครื่องบิน สอบถามแล้วว่าเดินทางด้วยสายการบิน Low Cost ได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะติดระเบียบและหลักเกณฑ์กระทรวงการคลัง ที่ต้องเดินทางโดยสายการบินแห่งชาติ ดังนั้นไม่สามารถเดินทาง หรือทำอะไรตามใจตัวเองได้ ส่วนกรณีมีสัดส่วน สส.พรรคก้าวไกล ร่วมเดินทางไปจำนวนมากนั้น ไม่ใช่คณะกรรมาธิการฯ แต่เป็นคณะทำงาน โดยมีการเชิญ สส.จากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยเช่นกัน แต่บางพรรคส่งชื่อไม่ทัน
ตั้งข้อสังเกตบินดูงานสิงคโปร์ จำเป็นหรือไม่
ด้าน นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า งบประมาณเบิกจ่าย สส. 1 คน อยู่ที่คนละ 114,650 บาท โดยนายปดิพัทธ์ มียอดค่าใช้จ่ายรวม 494,650 บาท ซึ่งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าที่พักเท่ากับ สส.คนอื่น แต่มียอดเพิ่มเติมส่วนของค่ารับรอง 200,000 บาท, ค่ายานพาหนะ 150,000 บาท และค่าของที่ระลึก 30,000 บาท
ส่วนตัวขอตั้งคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ ที่ต้องไปดูงานในช่วงเวลานี้ และเป็นภารกิจที่คุ้มค่าภาษีประชาชนหรือเปล่า เพราะถือว่าเป็นการผลาญงบประมาณแผ่นดิน ช่วงสุดท้ายก่อนจะสิ้นปีงบประมาณ (สิ้นปีงบประมาณ 30 กันยายน) รวมถึงการตั้งเรื่องอนุมัติอย่างเร่งรีบ ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการแผนและงบประมาณ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตรงนี้ขอตั้งคำถามว่า "คนจนมีสิทธิ์ไหมครับ"
ยัน สส.นั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ ถือเป็นสิทธิ์
ไปต่อกันที่ นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่า การนั่งเครื่องบินชั้น Business Class เป็นสิทธิ์ของ สส.ทุกคน ส่วนการตั้งงบประมาณค่าที่พักสูงนั้น เป็นเพียงการประมาณการตามราคา ที่กรมบัญชีกลางกำหนดไว้ แต่การเบิกจ่ายจะเป็นตัวเลขตามจริง ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเท่าไหร่ ต้องรอหลังจากเดินทางกลับเสียก่อน โดยการเดินทางไปสิงคโปร์ครั้งนี้ เป็นเสมือนการทูตฯ ของรัฐสภา ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติต้องดำเนินการเรื่องการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
เศรษฐา ยันพร้อมนอนทำเนียบฯ
ส่วนความเคลื่อนไหวของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุม ครม.ครั้งที่ 2 ซึ่งเลื่อนมาประชุมวันนี้ เนื่องจากมีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะนอนที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังตกแต่งไม่เสร็จ เมื่อถามย้ำว่าจะนอนที่ทำเนียบรัฐบาลใช่หรือไม่ นายเศรษฐาพูดสั้น ๆ ว่า "แน่นอนครับ"
ทั้งนี้ในกรณีการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจของนายเศรษฐา ที่มีค่าเหมาลำเครื่องบิน ได้มีสมาชิกโซเชียลบางคนนำไปเปรียบเทียบกับ นายปดิพัทธ์ จนกลายเป็นเวทีให้แฟนคลับทั้ง 2 ฝ่าย ตอบโต้กันอย่างดุเดือด
เฮอีก! มติลดค่าไฟอีกครั้ง เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย
มติ ครม.ที่น่าสนใจ เช่น เรื่องค่าไฟฟ้า โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า จากมติ ครม.ครั้งที่แล้ว ลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละไม่เกิน 4.10 บาทนั้น จากการหารือผู้บริหารกระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน มีความเห็นตรงกันว่า ปรับลดค่าไฟฟ้าลงมาได้อีก อัตราไม่เกินหน่วยละ 3.99 บาท มีผลบังคับใช้ทันที ตั้งแต่รอบบิลกันยายน-ธันวาคม
ครม.เคาะ ไชยวัฒน์ เป็นอธิบดี ปภ. - ย้ายระดับผู้ว่าฯ
นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 24 ราย หนึ่งในนั้นเป็นการให้พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ของนายไชยวัฒน์ จุนระพงศ์ ก่อนถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ จะเป็นการโยกย้ายระดับผู้ว่าราชการจังหวัด และระดับอธิบดี
เศรษฐา ยันไหว้สวยเพราะแม่สอนมา
ขณะที่ก่อนหน้าประชุม ครม.นายเศรษฐา ร่วมเสวนาภายในงาน Thairath Forum 2023 โดยกล่าวตอนหนึ่งถึงการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งบางคนมองเป็นขั้วอำนาจเดิมว่า พรรคการเมืองที่เข้ามาร่วมรัฐบาล และมาจากรัฐบาลเดิม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร เพราะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารได้ลาออกไปแล้ว และเป็นการจัดตั้งรัฐบาลชึ้นใหม่
ส่วนที่หลายคนบอกว่าเป็น "นายกฯ ส้มหล่น" หรือ "นายกฯ ตระบัดสัตย์" ก็พูดกันไปเอง แต่เชื่อว่าคนที่เข้าใจจริง ๆ จะเข้าใจในหลักคณิตศาสตร์ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ครม. มีมติตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อทำประชามติ ก่อนจะมี ส.ส.ร. แต่ส่วนตัวยังให้สัญญาไม่ได้ว่า จะแล้วเสร็จภายใน 1-2 ปีนี้
ช่วงท้ายผู้ดำเนินรายการถามถึงการไหว้ว่า ทำไมถึงไหว้สวย นายเศรษฐา บอกว่า เพราะคุณแม่สอนมา เรื่องการไหว้สำคัญ เป็นการสร้างความประทับใจครั้งแรก และเป็นการให้เกียรติซึ่งกันละกันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นใคร ต้องให้ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
โหวต สว.กิตติศักดิ์ ไม่ผิดจริยธรรม ปมวัดบางคลาน
ปิดท้ายเรื่องวุ่น ๆ ที่วัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ที่นำไปสู่การร้องเรียนจริยธรรม นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว.นั้น ล่าสุด นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียน โดยผลการลงมติ เห็นชอบกับรายงานกรรมการ 93 เสียง ไม่เห็นชอบ 33 เสียง และไม่ออกเสียง 37 เสียง จึงถือว่า นายกิตติศักดิ์ ไม่ได้ทำการใด ตามที่ถูกร้องเรียนจริยธรรม เพราะคะแนนเสียงเห็นชอบ มีไม่ถึงกึ่งหนึ่งของ สว.124 เสียง
ส่วนความเคลื่อนไหวที่หน้าวัดบางคลานวันนี้ กลุ่มมวลชนชาวตำบลบางคลาน และตัวแทนจังหวัด 12 อำเภอ มารวมตัวกันปกป้องพระพุทธศาสนา โดยยืนยันว่า แม้นายกิตติศักดิ์ จะไม่ผิดจริยธรรม แต่ยังมีคดีความที่ต้องขึ้นศาล ในข้อหาปิดวัดบางคลาน และเกี่ยวพันกับชายชุดดำ