"อดิศร" ชี้ก้าวไกลขับ "หมออ๋อง" เป็นมติการละคร จ่อเสนอญัตติอภิปรายในสภาฯ

"อดิศร" ชี้ก้าวไกลขับ "หมออ๋อง" เป็นมติการละคร จ่อเสนอญัตติอภิปรายในสภาฯ

View icon 117
วันที่ 2 ต.ค. 2566 | 14.54 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
"อดิศร" ชี้ก้าวไกลขับ "หมออ๋อง" เป็นมติการละคร-หมอลำ เตรียมดันญัตติอภิปราย ยังเหมาะสมนั่งรองประธานสภาฯ ต่อหรือไม่ รอพิสูจน์ความจริงในสภา ลั่นเพื่อไทยไม่ต้องการตำแหน่งนี้ แค่ต้องการให้สง่างาม

ปมหมออ๋อง วันนี้ (2 ต.ค.66) นายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยว่า วิปรัฐบาลจะเสนอญัตติสำคัญ 2 เรื่อง ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในสัปดาห์นี้ 1) คือ กรณีน้ำท่วมซึ่งเป็นปัญหาร้ายแรงกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน  และ 2) คือ การทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ว่ายังมีความเหมาะสมเป็นรองประธานสภาฯ หรือไม่ หลังพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากพรรค  

นายอดิศร ยกข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อที่ 64 (5) เรื่องการขับออกจากพรรคได้ ต้องมีความผิดวินัยร้ายแรง ผิดจรรยาบรรณร้ายแรง และมีเหตุร้ายแรงอย่างอื่น ซึ่งเมื่ออ่านแล้วก็รู้ว่าการขับออก ไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค จึงไม่ได้มีเจตนาขับออก ทั้งที่ในความเป็นจริง การขับคนออกจากพรรคถือเป็นการประหารชีวิตทางการเมือง ดังนั้นต้องแยกให้ออกระหว่างมติการละครกับมติจริง ซึ่งมีความแตกต่างกัน อันนี้เหมือนมติ ลิเก-หมอลำ พิสูจน์ได้หรือไม่ให้ดูที่การอภิปราย อีกทั้งหากถูกขับออกจากพรรคจริง ก็ไม่มีหน้าที่อภิปรายช่วยนายปดิพัทธ์ในสภาฯ

ส่วนความคาดหวังของการเสนอญัตตินี้ คือ ให้มีการโหวตเลือกรองประธานสภา คนที่ 1 ใหม่เลยหรือไม่นั้น นายอดิศร บอกว่า ต้องการให้มีการอภิปรายเรื่องความเหมาะสมของการดำรงตำแหน่งในที่ประชุมสภาฯ เนื่องไม่ค่อยพบกรณีดังกล่าว รวมทั้งไม่ควรอ้างว่ารัฐธรรมนูญผิดจึงทำแบบนี้ เพราะหลักการของรัฐธรรมนูญต้องการแยกฝ่ายค้านกับรัฐบาลออกจากกัน ซึ่งเป็นแบบเดียวกันทั่วโลก

นายอดิศร ย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การนำเรื่องภายในของพรรคก้าวไกล แต่เป็นประเด็นเกี่ยวกับตำแหน่งรองประธานสภาฯ และหากพรรคก้าวไกลถูกพาดพิงก็สามารถชี้แจงได้ รวมทั้งเรื่องข้อบังคับของแต่ละพรรคการเมือง ก็เป็นกฎหมายที่ทุกคนควรรู้ และปรากฎต่อสาธารณชน

“พรรคเพื่อไทยไม่ได้ต้องการตำแหน่งนี้ แต่ตำแหน่งรองประธานสภาฯ ต้องสง่างาม หากคนที่ถูกขับไล่ยังเป็นรองประธานสภาฯ อยู่ ส่วนรวมก็เคารพยาก” นายอดิศร ระบุ

นายอดิศร กล่าวอีกว่า สัดส่วนประธานคณะกรรมาธิการ ทั้ง 35 คณะ ยังไม่สิ้นสุด เพราะเดิมพรรคก้าวไกลจะได้ 11 คณะ แต่เมื่อขับนายปฏิพัทธ์ออก ก็ต้องลดลงเหลือ 10 คณะ ซึ่งเรื่องนี้พรรคก้าวไกลและพรรครวมไทยสร้างชาติต้องไปคุยกัน ก่อนนำเรื่องการตั้งกรรมาธิการเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่สภาฯ โดยคาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะแล้วเสร็จ