ญาติเศร้ารับร่าง “หนุงหนิง” เหยื่อ เด็ก 14 ยิงห้างพารากอน เสียชีวิตรายที่ 3 ด้านตำรวจ เผย ยังสอบปากคำเยาวชนไม่ได้ ต้องรอรักษาอาการดีขึ้นก่อน
วันนี้ (15 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.จุฬาฯ มารดา พร้อมด้วยน้าสาว ของน.ส.เพ็ญพิวรรณ หรือ หนุงหนิง อายุ 30 ปี ผู้เสียชีวิตรายที่ 3 จากเหตุเด็กวัย 14 ปีใช้ปืนยิงในห้างสรรพสินค้าพารากอน เดินทางมาติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบางไผ่ พระอารามหลวง ศาลา 2 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เป็นเวลา 3 วัน
โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะแม่ยังทำใจไม่ได้ ร้องไห้ตลอดเวลา น้องสาวต้องคอยประคองตลอดเวลา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายศพขึ้นรถตู้สีบอนซ์ ทะเบียน ฮภ 5759 กรุงเทพมหานคร เพื่อไปให้ทันทำพิธีรดน้ำศพเวลา 16.00 น. โดยสำนักพระราชวังจะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพ 3 คืน เวลา 19.00 น.
น้าสาวของผู้เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า หลานสาวเป็นพนักงานร้านกาแฟ เพิ่งทำงานที่ห้างฯ ที่เกิดเหตุได้ 3 เดือน ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงพักเบรก หลานสาวเดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะไปทานอาหาร เป็นช่วงที่คนร้ายกราดยิงพอดี ซึ่งหลานสาวได้หยุดหายใจตั้งแต่ที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็มีการปั๊มหัวใจได้สำเร็จ แต่อาการยังโคม่า ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและยากระตุ้น ยื้อไปได้เพียง 10 วันก็จากไปอย่างสงบ
ขณะที่ความคืบหน้าคดี พ.ต.ท. พงศธร เจริญชัยประกิจ รองผู้กำกับการสอบสวน สน.ปทุมวัน เผยว่า พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถเข้าไปสอบปากคำเยาวชนผู้ก่อเหตุได้ เนื่องจากต้องรอให้แพทย์รักษาจนอาการดีขึ้น และสามารถให้ปากคำได้ก่อน เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่ากระบวนการรักษาอาจจะใช้เวลาไม่เกิน 45 วัน อาการน่าจะดีขึ้นจนสามารถให้ปากคำได้ หากแพทย์อนุญาต พนักงานสอบสวนก็จะเข้าไปแจ้งข้อหาและสอบปากคำ โดยจะนำสำนวนการเสียชีวิตของคุณหนุงหนิงมารวมเป็นสำนวนเดียวกัน
ส่วนข้อหาที่จะดำเนินคดี เบื้องต้นยังคงเป็น 5 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , พยายามฆ่า , มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต , และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่หากพยานหลักฐานพบว่าเข้าข่ายความผิดใดเพิ่ม พนักงานสอบสวนก็จะเพิ่มข้อหาตามขั้นตอน
ขณะที่การสอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องปากอื่น ๆ มีความคืบหน้าไปกว่า 90% และมีพยานหลักฐานเพียงพอต่อการดำเนินคดีในระดับหนึ่ง ทั้งกล้องวงจรปิดและพยานบุคคล ขาดเพียงสอบปากคำผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว หากพนักงานสอบสวนยังไม่สามารถเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหาได้ ก็จำเป็นต้องชะลอคดีไว้ก่อน เพราะในทางกฎหมาย หากผู้ต้องหาไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ก็จะยังไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการของศาลได้