แจงวุ่น ปมเล็งใช้ตำรวจจีน ลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวในไทย

View icon 78
วันที่ 13 พ.ย. 2566 | 07.14 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เรียกว่าช่วงนี้รัฐบาลต้องชี้แจงหลายเรื่องกันวุ่นวายกันเลยทีเดียว กระทั่งเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นแต้มบวก ๆ อย่างเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว เมื่อมีแนวคิดให้ตำรวจจีน ร่วมลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวด้วย นี่ทำเอาเสียงวิจารณ์กระหึ่มทีเดียว

แจงวุ่น ปมเล็งใช้ตำรวจจีน ลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวในไทย
เป็นความต่อเนื่องหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียกประชุมหลายหน่วยงาน เพื่อขันน็อตการทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนบินไปร่วมประชุมเอเปก เมื่อถึงวาระเรื่องการท่องเที่ยว ก็มีผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และตัวแทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมหารือติดตามการสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัย

เผยสานต่อแนวคิดนายกฯ ขอตำรวจจีน ร่วมลาดตระเวน
ประเด็นสำคัญเกิดขึ้น เมื่อผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มีการพูดถึงเรื่องการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวจีน ถึงขั้นจะประชุมกับสถานทูตจีน ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เพื่อสานต่อแนวคิดนายกรัฐมนตรีเมื่อครั้งไปเยือนจีน ที่ขอให้ทางการจีนจัดตำรวจจีนร่วมลาดตระเวนกับตำรวจไทยในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อยกระดับความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีน

ที่ว่าจำเป็นต้องมีตำรวจจีน เพราะส่วนหนึ่งเกิดปัญหาความปลอดภัยจากกลุ่มทุนจีนสีเทา เข้ามาสร้างปัญหา จึงต้องการกำราบคนกลุ่มนี้ด้วย เพราะคนพวกนี้กลัวตำรวจจีนด้วยกันเอง และนักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษ รวมถึงเพื่อชี้เบาะแสล่วงหน้า ป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวในไทยของคนจีน

เรื่องนี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเรื่องการทำหน้าที่ของตำรวจไทย ที่ต้องนำเข้าตำรวจจีน เลยไปถึงเรื่องอธิบไตยและศักดิ์ศรีของชาติเลยทีเดียว ทำให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คุณหมอชัย วัชรงค์ ต้องชี้แจงว่าให้มาลาดตระเวน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเพียงแค่ความร่วมมือทำงาน ให้ข้อมูลเบาะแสกับตำรวจไทย ให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องเอกราชที่ต้องใช้ตำรวจจีนมาลาดตระเวน

คุณหมอบอกว่าเรื่องนี้มีลักษณะสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประเทศ ทำไมต้องบิดเบือน และลากเป็นเรื่องศักดิ์ศรีประเทศ จึงขออย่าเล่นวาทกรรมจนเกินเหตุเช่นนี้ ควรมุ่งที่การทำงานดีกว่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง