ข่าวเย็นประเด็นร้อน - วันนี้ มีคดีที่เกี่ยวกับนักการเมือง 2 คดี ที่เข้าสู่ในชั้นศาล มีทั้งที่อัยการเพิ่งจะนำตัวส่งฟ้องต่อศาล และที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา
อัยการสั่งฟ้อง สว.อุปกิต อ่วม 6 ข้อหา
คดีแรก วันนี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดียาเสพติด นำตัว นายอุปกิต ปาจารียางกูร สมาชิกวุฒิ หรือ สว.อุปกิต ส่งฟ้องต่อศาลอาญา ถนนรัชดา ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์พัวพันกับขบวนการยาเสพติดและการฟอกเงินกับนายทุน มิน หลัด ชาวเมียนมา ที่ถูกตำรวจไทยจับเรื่องในเรื่องเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและฟอกเงิน เมื่อเดือนกันยายน 2565
อัยการสั่งฟ้อง สว.อุปกิต 6 ข้อหา คือ 1.เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด 2.ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เคตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต 3.เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กระทำความผิดฐานฟอกเงิน 4.เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันฟอกเงิน 5.เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรข้ามชาติโดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กระทำผิดร้ายแรง 6.มีส่วนร่วมไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่ง สว.อุปกิต ให้การปฏิเสธทุกข้อหา
โดย สว.อุปกิต พร้อมทนายความ เดินทางไปศาลอาญา ตามนัดกับพนักงานอัยการ เข้าทางด้านข้างอาคารศาลอาญา สวมหน้ากากอนามัยและแว่นตากันแดด
ศาลยกฟ้อง ปริญญ์ อดีตรอง หน.ปชป. พรากผู้เยาว์
ส่วนอีกคดีหนึ่ง เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันนี้ เป็นคดีที่ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกอัยการสั่งฟ้องข้อหาพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดา และพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร โดยผู้เสียหายเป็นหญิงอายุ 17 ปี
ในคดีอนาจารกระทำต่อบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ศาลพิพากษาว่า ผู้เสียหายมิได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายใน 3 เดือน นับแต่วันเกิดเหตุ จึงขาดอายุความ
ส่วนคดีพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดา เพื่อการอนาจาร ศาลยกฟ้อง เพราะว่า นายปริญญ์ อาสาจะไปส่งผู้เสียหายจากบริษัทของนายปริญญ์ ไปยังคอนโดมิเนียมที่พักของผู้เสียหาย ซึ่งระหว่างเดินทางนั่งรถตู้ ไม่มีการออกนอกเส้นทาง แต่เมื่อเกิดพฤติการณ์ที่ นายปริญญ์ จับมือ ลูบแขน ต้นขา ผู้เสียหายระหว่างทางภายในรถตู้ส่วนตัว ผู้เสียหายได้กล่าวว่าจะขอลงระหว่างทาง เพื่อจะไปนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโดมีเนียมที่พักด้วยตนเอง ซึ่ง นายปริญญ์ ยินยอมให้ผู้เสียหายลงจากรถตู้คนดังกล่าว จึงไม่เข้าลักษณะพรากผู้เยาว์ไปจากบิดามารดา
หลังฟังคำพิพากษาเสร็จ นายปริญญ์ มีสีหน้าเรียบเฉย และเดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด