หญิงอายุ 72 ปี หอบหลักฐานพบตำรวจ เชื่อโครงกระดูกในบ่อพักสายไฟฟ้า คือลูกชาย

View icon 2.2K
วันที่ 11 ม.ค. 2567 | 05.11 น.
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - เมื่อคืนวันก่อน (9 ม.ค.) มีผู้ไปพบโครงกระดูกมนุษย์ที่คาดว่าจะเสียชีวิตมาประมาณ 1-2 เดือน อยู่ก้นบ่อพักสายไฟฟ้า ย่านสมุทรปราการ จุดที่พบศพไม่พบเอกสารยืนยันตัวตนว่าเป็นโครงกระดูกของใคร แต่หลังมีข่าวออกไปก็มีหญิงมาแสดงตัว สงสัยว่าจะเป็นโครงกระดูกลูกชายของตนเอง

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง สาขาวัดเลียบ ไปซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าที่บ่อพักสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่รกร้าง ตำบลปากคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เพราะมีชาวบ้านร้องเรียนว่าไฟฟ้าดับบ่อย 

บ่อพักในละแวกนั้นมีทั้งหมด 7 บ่อพัก เจ้าหน้าที่ทยอยตรวจไปแล้ว 6 บ่อ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงบ่อพักสุดท้าย (บ่อที่ 7) ก็พบว่าฝาเหล็กที่ปิดบ่อพักถูกเปิดขยับเลื่อนออกไปประมาณ 1 คืบ เจ้าหน้าที่สงสัยแล้วว่าทำไมท่อนี้ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ก้นบ่อมีน้ำขังอยู่ จึงจัดแจงสูบน้ำทิ้งจนแห้ง พอใช้ไฟฉายส่องลงไป ก็พบว่าสิ่งที่จมอยู่ก้นบ่อลักษณะคล้ายโครงกระดูกมนุษย์ ก็เลยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย และตำรวจท้องที่มาตรวจสอบ พออาสากู้ภัยมาถึงก็ใช้บันไดพาดลงไปก้นบ่อปีนลงไปดู ทีนี้ชัดเลย เป็นโครงกระดูกมนุษย์จริง ๆ เจ้าหน้าที่ก็เลยจัดแจงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะลำเลียงโครงกระดูกขึ้นมาด้านบน    

เบื้องต้น ไม่พบหลักฐานว่าเป็นใคร สภาพโครงกระดูกมีกางเกงขาก๊วยสีดำติดอยู่ ไม่มีเสื้อ และยังพบเชือกและตะกรุดคล้องติดอยู่บริเวณกระดูกเชิงกราน สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาประมาณ 1-2 เดือน เพราะไม่เหลือส่วนที่เป็นเนื้อแล้ว โดยตำรวจคาดว่าผู้เสียชีวิตอาจจะพลัดตกลงไป หรืออาจจะแอบปีนลงไปหวังจะขโมยสายไฟฟ้า แล้วถูกไฟดูดเสียชีวิต และอยู่ระหว่างการตรวจสอบไปยังโรงพักพื้นที่ต่าง ๆ ว่ามีการแจ้งความคนหายเอาไว้หรือไม่

และหลังจากเรานำเสนอข่าวไป เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ก็มี คุณยายอำพร สุหงษา อายุ 72 ปี ไปที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ นำรูปถ่ายทะเบียนราษฎร์ของบุตรชายไปพบตำรวจ เพื่อขอทราบรายละเอียดของโครงกระดูกที่พบ เพราะคิดว่าอาจจะเป็นบุตรชายของตนที่หายตัวไป ยิ่งได้ยินข่าวว่าที่โครงกระดูกมีเพียงกางเกง ไม่มีเสื้อ และยังพบสายห้อยตะกรุดคล้องติดอยู่ที่เอว ก็มั่นใจว่าอาจจะเป็นลูกชายของตนเอง

คุณยายยังเล่าทั้งน้ำตาซึม ๆ ว่า ตอนทำงานอยู่บนเรือ ลูกชายเกิดอุบัติเหตุถูกเชือกรัดแขนจนบาดเจ็บ รักษาหายแขนก็พิการ จึงออกจากงานกลับมาอยู่บ้าน แต่ด้วยกลัวจะเป็นภาระทางบ้าน ลูกชายก็เลยออกจากบ้านไปเป็นคนเร่ร่อน แต่ก็ยังคงอยู่ในละแวกบ้าน และพบเห็นเป็นประจำ จนกระทั่งหายหน้าไปประมาณ 2 เดือนกว่า ๆ แต่ก็ยังไม่ไปแจ้งความ เพราะถามคนแถวบ้านก็บอกว่ายังเห็นเดินเร่ร่อนอยู่ จึงคิดจะตามหาเองก่อน จนกระทั่งมาทราบข่าว

เบื้องต้น ตำรวจได้ให้คุณยายลงบันทึกประจำวันไว้ และจะนัดให้เดินทางไปยังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไปตรวจสอบ DNA ว่าตรงกับร่างผู้เสียชีวิตหรือไม่ ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป