ภูทับเบิกหวิดปะทะ ชาวบ้านไม่ยอมอุทยานฯ ขึ้นรื้อถอนรีสอร์ตบุกรุกพื้นที่ป่า

ภูทับเบิกหวิดปะทะ ชาวบ้านไม่ยอมอุทยานฯ ขึ้นรื้อถอนรีสอร์ตบุกรุกพื้นที่ป่า

View icon 640
วันที่ 22 ม.ค. 2567 | 13.21 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ภูทับเบิกหวิดปะทะ ชาวบ้านไม่ยอมอุทยานฯ ขึ้นรื้อถอนรีสอร์ตบุกรุกพื้นที่ป่า

ภูทับเบิก วันนี้(22 ม.ค.2567) เวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อ ร่วมกับอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สบอ.11 ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังกันที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ ทับเบิก เพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของรีสอร์ตที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่อุทยานฯ พื้นที่กว่า 1 ไร่ ซึ่งจุดนี้เกิดเป็นคดีความเมื่อปี 2560 ศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยเป็นเวลา 3 เดือน และรอลงอาญาไว้ แต่จำเลยคนเดิมกลับมาบุกรุกซ้ำอีก ซึ่งคดีถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แจ้งให้รื้อถอนแล้วแต่กลับไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้อำนาจตามกฎหมายเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่เคลื่อนจากจุดรวมพลมายังหน้าทางขึ้นรีสอร์ต พบว่ามีชาวบ้านนับสิบคน เข้ามาปิดทางขึ้นรีสอร์ตเอาไว้ และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปรื้อถอน ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามขอขึ้นไปชี้แนวเขตอุทยานฯ ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ยอม กังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง พร้อมกับขอหมายจากศาลในการรื้อถอน ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามอธิบายว่าจุดดังกล่าวคดีสิ้นสุดแล้วและศาลมีคำพิพากษา จากนั้นวันที่ 21 ส.ค.2566 ปิดประกาศให้ผู้ทำความผิด รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งตอนนี้เจรจามานานกว่า 30 นาที ก็ยังไม่สามารถขึ้นไปด้านบนรีสอร์ตได้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่อีกชุดซึ่งเดินเท้าขึ้นไปด้านบนก่อนหน้านี้ ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวที่รุกล้ำเขต

นายชัยวัฒน์กล่าวว่าพื้นที่ดังกล่าวเคยถูกดำเนินคดีไปแล้วเมื่อปี 2559 และศาลมีคำพิพากษาแล้วแต่กลับเข้ามากระทำความผิดซ้ำ หากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการก็จะมีความผิดตามมาตรา 157 แต่ก็เข้าใจชาวบ้าน จึงแจ้งให้ทราบว่าหากเจ้าหน้าที่ทำผิด ก็สามารถฟ้องร้องเอาผิดเจ้าหน้าที่ได้ แต่การเจรจาไม่เป็นผล ก็ต้องให้เจ้าหน้สที่อีกชุดขึ้นไปดำเนินการรื้อถอน

สำหรับพื้นที่ดังกล่าวพนักงานอัยการจังหวัดหล่มสักเป็นโจทก์ฟ้องนายบุญพันธ์เป็นจำเลยและศาลจังหวัดหล่มสักมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 โดยโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2559 นายบุญพันธ์เข้าไปบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ดังกล่าวคิดเป็นเนื้อที่หนึ่งไร่ 89 ตารางวาโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลมีคำพิพากษาว่านายบุญพันธ์มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ โดยมีความผิดกรรมเดียว ผิดกฏหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่หนักสุดจำคุก 3 เดือนและปรับเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท แต่นายบุญพันธ์ให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 เดือน 15 วัน ปรับ 2,500 บาทและให้รอลงอาญาไว้ก่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง