ตามรวบนายทุนใหญ่ กว้านซื้อที่ป่าสงวน-อุทยานฯ ปลูกยางพารา อ้างอดีตกำนันหลอกขาย

ตามรวบนายทุนใหญ่ กว้านซื้อที่ป่าสงวน-อุทยานฯ ปลูกยางพารา อ้างอดีตกำนันหลอกขาย

View icon 256
วันที่ 5 ก.พ. 2567 | 17.46 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจ ปทส.ตามรวบนายทุนชาวนครฯ วัย 67 ปี กว้านซื้อที่ดินป่าสงวน-อุทยานฯ ปลูกยางพารา ก่อนหนีกบดาน กทม. อ้างถูกอดีตกำนันหลอกขายอีกทอดหนึ่ง

ซื้อที่ดิน (5 ก.พ.2567) ตำรวจกองบังการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นำโดย พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ ทองจำรูญ รอง ผกก.5 บก.ปทส.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปทส. ร่วมกันจับกุม นายปรีชาฯ อายุ 67 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2558 โดยกล่าวหากระทำความผิดฐาน “ก่นสร้าง แผ้วถาง บุกรุก หรือยึดถือครอบครอง เข้าทำประโยชน์พื้นที่ป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และบุกรุก ก่นสร้าง แผ้วถาง ยึดถือครอบครองหรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมสภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าไปยึดครอง รวมตลอดถึงก่นสร้าง หรือ เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน” และตรวจยึด ที่ดินติดอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ม.7 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายน 2558 นายปรีชาฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นนายทุนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้ามาบุกรุก แผ้วถาง ตัดไม้ และปรับพื้นที่ป่าเพื่อปลูกยางพาราในเขตอุทยานแห่งชาติไทยประจัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ป้องกันและรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 ราชบุรี ได้เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวไว้ประมาณ 53 ไร่ และเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากท่อ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย และพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว

กระทั่งตำรวจ กก.5 บก.ปทส ได้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา จนทราบว่าปัจจุบันผู้ต้องหานี้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตประเวศ กรุงเทพฯ ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบและทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ เมื่อสอบถามคำให้การผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาให้การเพิ่มเติมว่าเมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2558 ได้มีอดีตกำนัน ต.ห้วยยางโทน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ติดต่อมาหาตนเพื่อขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้ตน โดยอดีตกำนันแจ้งว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่อยู่ในเขตอุทยาน สามารถเข้าไปทำมาหากินปลูกต้นไม้ได้ จึงได้ซื้อไว้เพื่อปลูกยางพารา แต่ต่อมาภายหลังตนเองทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปตรวจยึดที่ดินดังกล่าวไว้และแจ้งว่าเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวน จึงเชื่อว่าถูกอดีตกำนันคนดังกล่าวหลอกให้ซื้อที่ดิน ทำให้สูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังยอมรับผิดที่ไม่ได้ดูเอกสารที่ดินก่อนที่จะตัดสินใจซื้อที่ดินจากอดีตกำนันคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ปากท่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง