เช้าข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เตรียมนำรายงานผลการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปส่งให้ตำรวจ สน.นางเลิ้ง พิจารณา เบื้องต้นสรุปได้ว่า สาเหตุมาจากสายไฟฟ้าเสื่อมสภาพ ไม่พบอุปกรณ์สร้างประกายไฟ หรือวัตถุไวไฟ ตามที่หลายคนตั้งข้อสงสัย
ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจาก พลตํารวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ระบุว่า ผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ข้อสรุปแล้ว โดยต้นเพลิงอยู่ภายในห้องครัว ชั้น 2 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จุดที่มีเพลิงไหม้โดยสมบูรณ์ เป็นที่ตั้งของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน และตู้เย็น ไม่พบมีอุปกรณ์ เครื่องมือ ที่ทำให้เกิดประกายไฟ หรือมีวัตถุไวไฟ สารเคมี แต่เป็นความร้อนที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของสายไฟ หรือของอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วทำให้เกิดความร้อนสูงผิดปกติ จนเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นในเวลา 06.01 น. ตนเองที่เคยทำงานด้านการสอบสวน มองว่า ไม่ได้มีนัยยะสำคัญที่จะแปรความหมายได้ว่าเป็นการลอบวางเพลิง เนื่องจากเวลาดังกล่าว เป็นวันหยุดราชการ โอกาสที่จะมีคนสังเกตเห็นกลุ่มควัน หรือประกายไฟ เป็นไปได้น้อย กระทั่งเวลา 06.00 น. ที่เป็นช่วงเปลี่ยนกะของเจ้าหน้าที่ มีการเปิดเพลงเคารพธงชาติ ถึงมีผู้สังเกตเห็นเปลวเพลิง และกลุ่มควัน
ส่วนการสำรวจสภาพความเสียหาย พบว่าห้องครัว เสียหายเกือบทั้งหมด ห้องที่อยู่ข้างเคียง เสียหายจากความร้อน และน้ำที่เกิดจากการดับเพลิง ข้อมูลที่ตรวจสอบเสร็จแล้ว จะทำเป็นรายงานส่งให้พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง นำไปประกอบการดำเนินคดีต่อไป
ส่วนวันนี้ ที่จะมีการนัดประชุมหารือกันในชุดคณะทำงาน หลังผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีคำสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำคดีตบทรัพย์โดยเฉพาะ เบื้องต้นจะเป็นการเรียกนำข้อมูลการสืบสวนสอบสวนทั้งหมด มาสรุปดูผลความคืบหน้าว่าดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหน จากนั้นจะแบ่งงานให้ตำรวจกองปราบฯ , ปปป. และ ปอท. ไปดำเนินการตามหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อเร่งรัดสำนวนคดีให้แล้วเสร็จทันกำหนดผัดฟ้องฝากขัง
พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันว่าทั้ง "นายโอ" และ "นาย ก." ซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตำรวจมีชื่ออยู่ในข้อมูลทางการสืบสวน เป็นคนที่ต้องเรียกมาซักถาม ว่ามีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไรเกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่ เบื้องต้นจะเริ่มจากการนัดมาคุยกันแบบส่วนตัว เพื่อดูทิศทางก่อนว่าจะให้ความร่วมมือระดับไหน ก่อนจะประเมินเรื่องนี้อีกครั้ง