1 ในผู้ต้องหาคดีฮุบบ้าน ฆ่าตัวตาย

View icon 29
วันที่ 27 ก.พ. 2567 | 05.13 น.
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - 1 ในผู้ต้องหา คดีอ้างกฎหมายครอบครองปรปักษ์ฮุบบ้าน เกิดความเครียดที่ถูกเจ้าของบ้านตัวจริงดำเนินคดี ตัดสินใจคิดสั้น จบชีวิตตัวเอง

จากกรณีที่นายซัน หลานอากู๋ เจ้าของบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา 58 ซึ่งถูกเพื่อนบ้านเข้าไปยึดครองบ้านโดยอ้างการครอบครองปรปักษ์ เนื่องจากเห็นว่าบ้านถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน จนเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566 นายซันได้เข้าไปยึดบ้านของตัวเองกลับคืน พร้อมทั้งปลดป้ายต่าง ๆ อาทิ ป้ายอ้างสิทธิครอบครองปรปักษ์ ป้ายร้านขายไก่ทอด ที่คู่กรณีนำไปติดไว้ออกไป ก่อนจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มเพื่อนบ้านคู่กรณี รวม 5 คน ในความผิดฐานบุกรุกเคหะสถาน

คดีนี้ยังอยู่ในชั้นพิจารณาสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ ซึ่งมีกำหนดฟังคำสั่งในวันที่ 6 มีนาคมนี้ แต่เมื่อเช้าวานนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ที่ 1 ในผู้ต้องหาในคดี คือ นางสาวภานุมาส อายุ 52 ปี ใช้ผ้าปูเตียงฉีกเป็นเส้น ผูกคอตัวเองเสียชีวิตอยู่ในห้องนอนในบ้านพัก โดยผู้ไปพบศพเป็นญาติที่กลับมาจากออกไปซื้อของ ตำรวจไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว ไม่พบร่องรอยที่ผิดปกติ ทั้งเรื่องของการรื้อค้น ร่อยรอยการต่อสู้ จึงได้ส่งศพไปชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต 

ทีมข่าวได้สอบถามญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว ก็มีการให้ข้อมูลว่า ตนเองกับผู้เสียชีวิต ไม่ได้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่เท่าที่ทราบ ผู้เสียชีวิตเคยบ่นว่าเครียดจากข่าวที่ไปฮุบบ้านของเพื่อนบ้าน ด้วยการครอบครองปรปักษ์ และถูกเจ้าของบ้านตัวจริงฟ้องร้องดำเนินคดี

ด้านนายวัฒนา ทนายความของกลุ่มผู้ต้องหา เปิดเผยหลังทราบข่าวลูกความเสียชีวิตว่า ที่ผ่านมาผู้เสียชีวิตเคยบ่นกับคนรอบตัวและมาปรึกษาว่า เครียดมากที่ถูกดำเนินคดี และยังบอกว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากคู่กรณีใช้สื่อมาแฉขุดคุ้ยและกดดัน แทนที่จะใช้การเจรจาหรือใช้ข้อกฎหมายมาสู้กัน

และเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้นายซันรู้สึกตกใจและเสียใจ โดยหลังจากเรื่องราวลุกลามบานปลายออกไป พบว่าผู้เสียชีวิตรู้สึกสำนึกผิด พยายามติดต่อจะขอไกล่เกลี่ยเรื่องราวเพื่อยุติเรื่อง พร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้ ซึ่งตนเองหลังจากหายโกรธก็อยากให้มีการไกล่เกลี่ย แต่ก็มาเกิดเรื่องเศร้าขึ้นเสียก่อน

เราได้คลิปเสียงที่ผู้เสียชีวิตพยายามพูดคุยกับอากู๋ เจ้าของบ้าน เพื่อยุติข้อพิพาท มีบางช่วงบางตอนที่ผู้เสียชีวิตบอกว่า อยากยุติเรื่องแต่มีคนกดดันให้เดินหน้าต่อ

ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทั้งนายซัน และทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ซึ่งเป็นผู้ให้คำปรึกษาเรื่องคดีความกับเจ้าของบ้านตัวจริงรู้สึกไม่พอใจ ก็คือเรื่องที่ทนายความของคู่กรณี ออกมาระบุว่า ลูกความตัดสินใจจบชีวิต เพราะความเครียดเรื่องที่มีการใช้สื่อมากดดัน เรื่องนี้ ทนายเดชาตั้งข้อสังเกตุว่า ไม่รู้ว่าทนายความไปพูด หรือ แนะนำอะไรให้ลูกความเชื่อมั่นว่าจะเอาบ้านของนายซันมาได้ แต่ถ้าไปแนะนำในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ เป็นทนายความต้องมีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ คุณธรรมต้องนำกฎหมาย ส่วนเขาจะทำเพื่อหวังอะไร ตนไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ ให้ประชาชนไปคิดเอาเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง