สนามข่าว 7 สี - "ศจีตีคดี" วันนี้เราไปตีคดีภัยสังคมที่เกิดขึ้นกับเด็กสาว ถูกทรชนล่อลวงเหยื่อหลายคนไปข่มขืนต่อเนื่องมาหลายครั้ง ล่าสุด (28 ก.พ.) ตำรวจสืบสวนนครบาล บุกจับอดีตทหาร ซึ่งได้รับฉายาว่า "มนุษย์หื่น" ได้แล้ว แต่เจ้าตัวยังปากแข็งปฏิเสธ
นี่เป็นคำกล่าวอ้างของ นายวิษณุ หรือ "เต้ย บางโพ" อายุ 40 ปี หลังถูกตำรวจสืบนครบาลรวบตัวที่ลิฟต์ของคอนโดย่านเตาปูน ซึ่งนายเต้ยไม่ธรรมดา อดีตเคยเป็นทหาร จังหวะจับกุมเจ้าตัวทำหน้างง ๆ เหมือนไม่รู้เรื่อง ตำรวจจึงอ่านหมายจับข้อหา "บุกรุกเคหสถาน และกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปี" ให้ฟัง แต่นายเต้ยให้การภาคเสธ อ้างว่าเด็กสมยอม
ที่น่าตกใจ เพราะตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายเต้ย พบภาพและคลิปโป๊เปลือยของเด็กสาวจำนวนมาก บางคนใส่ชุดนักเรียนนักศึกษา เมื่อตำรวจถาม เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นรสนิยมส่วนตัว
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นายเต้ยสะกดรอยตามเด็กหญิงอายุ 12 ขวบ จากโรงเรียนมายังที่พักย่านสาทร อาศัยจังหวะเหยื่อเปิดประตูห้อง ก็ผลักลากเข้าห้อง ใช้กำลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ พร้อมข่มขู่ฆ่า ห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร เคราะห์ดีที่ญาติกลับมาถึงห้องพัก เด็กหญิงจึงร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นนายเต้ยจึงวิ่งหลบหนีไป ผู้ปกครองจึงพาเด็กไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยกับ คุณไพศาล รัตนบันเทิง ว่าหลังแกะรอยจากแผนประทุษกรรม จนทราบเบาะแสว่าคนร้ายรายนี้เคยเป็นทหาร ถูกออกจากราชการ แล้วมาขับรถรับจ้าง เวลาว่าง ๆ แฝงตัวเข้าไปในโปรแกรมแช็ต หลอกคุยกับนักเรียนหน้าตาดี ตีสนิทแล้วสอบถามสถานศึกษา และที่พัก ก่อนตามสะกดรอยไป แล้วใช้กำลังข่มขืน ที่ผ่านมามีเหยื่อแจ้งความ 4 ราย แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายรายที่ไม่กล้าออกมาแฉพฤติกรรม เพราะบางคนถูกถ่ายคลิปอนาจาร เพื่อนำมาข่มขู่บังคับข่มขืนครั้งต่อไป
นายเต้ยคนนี้ ถือว่าเป็นบุคคลอันตราย จิตไม่ปกติ เห็นเด็กสาวที่สวมชุดนักเรียน อายุระหว่าง 12-16 ปี ก็จะมีอารมณ์ทางเพศ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ก็มีภรรยาอยู่แล้ว
เมื่อปี 2560 ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเด็กฯ พื้นที่จังหวัดนนทบุรี ปี 2561 ก่อเหตุข่มขืนเด็กสาว 2 คน ติดคุกอยู่ 5 ปี พ้นโทษออกมาปี 2566 ไม่เข็ดหลาบไปก่อเหตุกับเด็กหญิงอายุ 12 ขวบรายนี้ จนกระทั่งมาถูกตำรวจจับกุมได้
เราไม่รู้ว่ายังมีคนประเภทเดียวกับนายเต้ยอีกมากน้อยแค่ไหน วันนี้จึงต้องหันมาป้องกัน และลดความเสี่ยงให้กับตัวเอง ระมัดระวังการใช้สื่อออนไลน์ที่อาจจะถูกหลอกได้, หลีกเลี่ยงไปไหนมาไหนเพียงลำพัง และแต่งกายให้มิดชิด
โฆษกกรมสุขภาพจิต เผยว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ ย่ามใจ ข่มขืนครั้งแรกแล้วไม่สำนึกผิด จึงก่อเหตุไปเรื่อย ๆ ส่วนรสนิยมชอบเด็กในทางจิตวิทยาเรียกว่า "โรครักเด็กหรือคลั่งเด็ก" แม้จะเป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่ง แต่จะไม่กระทบต่อรูปคดี
ฟังดูแล้วน่ากลัว เมื่อพบว่าผู้ต้องหาที่ก่อเหตุซ้ำซากแล้วไม่สำนึก ข้อมูลกรมราชทัณฑ์ พบว่าปี 2566 พบว่า 5 อันดับที่ผู้ต้องขังทำผิดซ้ำ คือ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 66 %, ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 13.26 %, ความผิดอื่น ๆ 9.36%, ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สิน 6.38 % และความผิดเกี่ยวกับเพศ 2.28 %
โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับเพศ ที่ผ่านมามีการพูดถึงกันมากว่า บทลงโทษบ้านเราเบาไป ถึงขั้นมีการเรียกร้องว่า ให้แก้ไขกฎหมายลงโทษใหม่ อยากใช้ยาเแรงแบบต่างประเทศ "ข่มขืนเท่ากับฆ่า" หรือแม้กระทั่งกฎหมายที่ฉีดให้ฝ่อ ก็น่าจะนำมาบังคับใช้ให้จริงจัง
ซึ่ง คุณบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ในฐานะกรรมาธิการเปลี่ยนแปลงกฎหมายข่มขืน ในสภาผู้แทนราษฎร เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะนำกฏหมายที่มีโทษรุนแรงนำมาใช้ อย่างฉีดให้ฝ่อ ที่ฉีดยายับยั้งการสร้างฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ร่างกายไม่สร้างอสุจิ อวัยวะเพศไม่แข็งตัว 3 เดือน ส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดลง รวมถึงอยากให้ยกเลิกการขอพระราชทานอภัยโทษ คดีข่มขืน 5 ประเภท
ขณะที่ บรรดาเกรียนคีย์บอร์ดทั้งหลาย ก็ออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ผ่านโลกโซเชียลถึงคดีนี้อย่างดุเดือด เช่น
- ควรฉีดให้ฝ่อไปเลย ไม่อย่างนั้นออกมาก็ทำอีก ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างจะได้กลัวกฎหมายบ้าง
- กระบวนการจับกุมเข้มข้นดีแล้ว ขอให้กระบวนการยุติธรรมชั้นศาล เข้มงวดขึ้นเช่นกัน
- การทำซ้ำแบบนี้ ไม่น่าดีขึ้นได้แล้ว ควรมีมาตรการเด็ดขาด ที่ทำให้ไม่สามารถออกมาก่อเหตุได้อีก
- ประวัติขนาดนี้ ยังจะปล่อยมาอีก
- ประเทศไทยควรมีบทลงโทษให้หนักกว่านี้ จะได้ไม่มีใครกล้าทำผิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ
- คนแบบนี้บ้านเราควรจะมีกฎหมายโทษที่หนัก ๆ
- ต้องให้เกิดเรื่องนี้กับครอบครัวพวกคุณก่อนหรืออย่างไร กฎหมายเมืองไทยทำไมอ่อนมาก แทนที่จะลงโทษขั้นเด็ดขาดให้คนกลัว กลับทำให้คนร้ายไม่กลัว กลับมาก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก
คดีนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จริง ๆ แล้วทุกวันนี้ มีหญิงสาวทั้งเด็กและผูัใหญ่ ตกเป็นเหยื่อกามอารมณ์จากผู้ชายหื่น บางรายเป็นบุคคลใกล้ตัว นับเป็นภัยอันตรายที่น่ากลัวมาก ๆ มันคือตราบาปที่ติดตัวอยู่ในใจ ยากที่จะลบเลือน