เกษตรกรเข่าแทบทรุดร้องศูนย์ดำรงธรรม นำเงินไปปิดหนี้สินเชื่อ โดนเรียกเก็บค่าปรับ 8 หมื่น โอดกู้เงิน 1.9 แสน ผ่อนทั้งต้นทั้งดอก 48 งวด เกือบ 4 แสน ค่าปรับเงินเพิ่ม-ค่าติดตามทวงถามโหดเกินไปหรือไม่
วันนี้ (19 มี.ค.67) นางเยาวมาลย์ หรือป้าเยาว์ ชาวตำบลหนองแวง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ อาชีพเกษตรกร ได้นำหลักฐานใบเสร็จการชำระเงินให้กับบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง ใน อ.ละหานทราย เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอละหานทราย หลังนำเงินไปปิดค่างวดสินเชื่อ งวดสุดท้ายจำนวน 8,456 บาท เมื่อวันที่ 14 มี.ค.67 แต่กลับถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มจากค่างวดปกติอีก 10 เท่า รวมเป็นเงินกว่า 80,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าติดตามทวงถามและค่าปรับล่าช้าสะสม หากไม่ชำระตามยอดที่เรียกเก็บก็ไม่สามารถปิดบัญชีได้ โดยขอให้ศูนย์ดำรงธรรมช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ายอดที่เรียกเก็บเพิ่มถูกต้องและเป็นธรรมหรือไม่ ค่าทวงถามหรือค่าปรับล่าช้าจริง ไม่น่าจะสูงถึงขนาดนี้
ป้าเยาว์ เล่าว่า เมื่อช่วงต้นปี 2562 มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในการลงทุน จึงตัดสินใจไปกู้เงินกับบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง โดยการนำเล่มทะเบียนรถยนต์ ไปยื่นค้ำประกันเงินกู้ 190,000 บาท บริษัทให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือนๆ ละ 8,456 บาท รวม 48 งวด โดยให้ชำระไม่เกินวันที่ 24 ของทุกเดือน แต่ช่วงแรกยังหมุนเงินไม่ทันก็จ่ายล่าช้าไป 1 งวด แต่งวดถัดมาก็นำเงินไปจ่ายทบ 2 งวดทั้งต้นและดอกเบี้ย จากนั้นก็จ่ายมาตลอดทุกงวดจนถึงงวดที่ 48 ซึ่งเป็นงวดสุดท้าย ได้แจ้งบริษัทว่าจะไปปิดงวดสุดท้าย แต่พอไปถึงเจ้าหน้าที่ประจำสาขากลับแจ้งว่าถ้าจะปิดต้องจ่ายที่ยอดกว่า 80,000 บาท เพราะมีค่าติดตามทวงถามและค่าปรับล่าช้าสะสม ทั้งที่ตนกู้ไป 190,000 บาท ชำระครบ 48 งวด คิดเป็นทั้งต้นและดอกเบี้ยกว่า 400,000 บาท การเรียกเก็บเพิ่มอีกกว่า 80,000 บาท จึงมองว่าเป็นค่าปรับที่สูงเกินไปและไม่เป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามผู้จัดการสินเชื่อสาขาละหานทราย เบื้องต้นผู้จัดการชี้แจงว่า ลูกค้าคนนี้เคยค้างค้างวด 3 – 4 งวด ทำให้มีค่าปรับล่าช้าสะสม ไม่ได้ค้างแค่งวดเดียว แต่เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงค่าปรับและค่าทวงถามเหตุใดจึงสูงถึง 80,000 บาท ซึ่งทางผู้จัดการยังไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน บอกว่าติดลูกค้าอยู่ยังไม่สะดวกให้ข้อมูล
