ตั้งร้านทับทางเท้า เถียงคอเป็นเอ็นว่าทำถูกต้อง

View icon 40
วันที่ 29 มี.ค. 2567 | 05.16 น.
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - ข่าวนี้ต้องถามว่า อะไรไปดลใจให้คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น มันถูกต้องแล้ว เพราะไม่ว่าจะพยายามคิดหาเหตุผลอย่างไร ก็ไม่มีมุมให้เข้าใจว่าเรื่องที่ทำไป มันถูกต้อง เป็นเรื่องอะไรลองติดตามดูกัน

ท่านผู้ชมลองสังเกตดูสิ่งปลูกสร้างที่เห็นอยู่ในภาพ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนน บริเวณปากซอยสิงหวัฒน์ ในเขตอำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก   

เป็นสิ่งปลูกสร้างของร้านที่รับทำประตูม้วนเหล็กดัด ความไม่ปกติของมัน ก็คือถูกสร้างทับไปบนทางเท้าสาธารณะ ผนังของร้านซึ่งดูแล้วเพิ่งจะก่ออิฐขึ้นไปใหม่ ๆ ก็ก่อทับเสาไฟฟ้ากันแบบที่เห็น อาคารชั้น 2 ซึ่งเป็นไม้ ก็สร้างล้อมเสาไฟฟ้า และเสาไฟฟ้าก็ทะลุหลังคาร้านขึ้นไป ไม่ใช่เพียงแค่จุดนี้ ร้านรับทำมุ้งลวดเหล็กดัดที่อยู่ติด ๆ กัน ก็มีการมุงหลังคาล้ำแนวทางเท้าออกไปจนถึงแนวถนนหลวงเช่นกัน

มีชาวบ้านที่เขาสงสัยว่า ปลูกสร้างแบบนี้ ล้ำที่ล้ำทางสาธารณะ ที่ประชาชนต้องใช้ประโยชน์ร่วมกันแบบนี้ทำได้หรือ ก็เลยแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ แขวงการทางเทศบาลการไฟฟ้าฯ เข้าไปตรวจสอบ แต่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกันอยู่ ชายอายุ 60 ปี ซึ่งก็เป็นเจ้าของร้านทำเหล็กดัด ก็เข้ามาโวยวายใส่

ชายเจ้าของร้าน พยายามจะชี้แจงว่า สิ่งที่ตนทำไปมันถูกต้องแล้ว เพราะตอนที่มีปัญหากันก่อนหน้านี้ ตนก็ไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่โรงพัก ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ให้ทำได้ พร้อมกับนำเอกสารฉบับหนึ่ง ที่ชายคนดังกล่าวเรียกว่า "พ.ร.บ." มาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู

แต่เอกสารที่ว่า คือ บันทึกว่ากล่าวตักเตือน ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 แจ้งว่า ชายคนดังกล่าวกระทำผิด นำสิ่งของ อุปกรณ์การเชื่อมเหล็ก โลหะ ล้ำเข้ามาในพื้นถนน กีดขวาง ให้เจ้าของเคลื่อนย้ายสิ่งของอุปกรณ์ดังกล่าว โดยทันที โดยเอกสารดังกล่าว ออกเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2559

เจ้าหน้าที่ดูเอกสารแล้ว ก็พยายามจะชี้แจงให้ทราบว่า มันคือหนังสือตักเตือน ไม่ใช่หนังสืออนุญาตให้ปลูกสร้าง ตามที่ชายคนดังกล่าวเข้าใจ แต่ชี้แจงอย่างไร ชายคนดังกล่าวก็ไม่พยายามจะเข้าใจ โต้แย้งอยู่ตลอดเวลา

สรุปแล้ว คุยกันไม่รู้เรื่อง ซึ่งจริง ๆ แล้ว วันนี้เจ้าหน้าที่จะมาเตือนให้รื้อถอน มาพูดคุยกันดี ๆ แต่เจ้าของร้านรายนี้ไม่รับฟัง หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่แขวงการทางพิษณุโลก และหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย จะไปแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง