บิ๊กโจ๊ก มอบตัว สน.เตาปูน หลังศาลอาญาออกหมายจับ

View icon 56
วันที่ 3 เม.ย. 2567 | 07.15 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เป็นข่าวใหญ่ทันที หลังจากเมื่อวาน ศาลอาญาออกหมายจับ "บิ๊กโจ๊ก" ความผิดฐาน "ฟอกเงิน" เมื่อรู้ตัวว่าถูกออกหมายจับ ก็แอบเข้ามอบตัวทันที

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แอบซุ่มเงียบเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สน.เตาปูน หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับ "บิ๊กโจ๊ก" เข้าให้ปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะออกมา และพูดสั้น ๆ ว่า "ไม่กังวล นี่แค่เริ่มกระบวนการตามกฎหมายเท่านั้น เช้าวันนี้ก็จะกลับไปทำงานตามปกติ"

จากนั้น "บิ๊กโจ๊ก" ก็มุ่งหน้าไปที่ สมาคมชาวปักษ์ใต้ เพื่อเปิดโครงการทนายความอาสา ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ตนเองเข้าใจขั้นตอนทุกอย่างเป็นอย่างดี หลังจากนี้ก็ต้องใช้สิทธิ์ในการต่อสู้ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เพราะยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

สำหรับหมายจับของ "บิ๊กโจ๊ก" พนักงานสอบสวนชุดทำคดี "BNK Master" ได้ยื่นขอศาลอาญาออกหมายจับ เป็นครั้งที่ 2 ยื่นครั้งแรกศาลยังไม่อนุมัติหมายจับ หลังจากนั้นก็ได้ออกหมายเรียกอีก 3 ครั้ง แต่ไม่เป็นผล "บิ๊กโจ๊ก" ก็ยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา โดยมีรายงานข่าวว่า เหตุที่ศาลออกหมายจับในครั้งนี้ เพราะพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่ากระทำความผิดจริง ผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงหมายเรียกของพนักงานสอบสวนถึง 3 ครั้ง และเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญา

ส่วนท่าทีทีมทนายความ "บิ๊กโจ๊ก" มองว่าเป้าหมายที่บิ๊กโจ๊กถูกหมายหัวไว้นั้น ไม่ใช่การแค่การถูกออกหมายจับ แต่คือการใช้วิธีการทางกฎหมาย เพื่อบีบให้บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาให้ได้ หลังจากนั้นจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเพราะถูกออกหมายจับแล้ว โดยมีเป้าหมายใหญ่สุดคือการสกัดไม่ให้บิ๊กโจ๊กขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 15 ที่ผ่านมาบิ๊กโจ๊กทราบดีว่ามีขบวนการที่พยายามสกัดเรื่องนี้มาตลอด

ทนายความ บอกอีกว่า หากมองในแง่ยุทธศาสตร์ ฝั่งตรงข้าม ถือว่าขณะนี้เขาทำสำเร็จแล้ว แต่สุดท้ายผลคดีจะเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อพิสูจน์อาจจะไม่มีการชี้มูล หรือศาลยกฟ้องก็ได้ นอกจากนี้ทนายความยังตั้งข้อสงสัยเรื่องการออกหมายเรียกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยพบการอออกหมายเรียกถี่เช่นนี้ ด้วยกรอบระยะเวลาที่กระชั้น เพราะจากที่ทำคดีมาจะมีการวางกรอบระยะเวลาบางครั้งถึง 15 วัน แต่ก็ถือว่าเป็นอำนาจของกฎหมายสามารถทำได้ แต่หากมองในมุมการทำคดีถือว่าเร่งรัดเกินไปหรือไม่

นอกจากนี้ทีมทนายความบิ๊กโจ๊ก ยังบอกอีกว่า หลังจากนี้ต้องจับตาดูว่า พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ บิ๊กต่อ จะถูกออกหมายเรียก หรือหมายจับเหมือนกันหรือไม่ เพราะหากมองในเส้นเงินแล้วบิ๊กต่อเส้นเงินมีความใกล้ชิดมากกว่าบิ๊กโจ๊ก เพราะข้อมูลที่ถูกแฉมีเส้นเงินโยงถึงคนในครอบครัว จึงเป็นข้อพิสูจน์ของคณะพนักงานสอบสวนว่าดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่

ขณะเดียวกันหลายคนสงสัย แบบนี้จะมีผลต่อการทำงานของบิ๊กโจ๊กยังไง ตามระเบียบ บิ๊กโจ๊กต้องไปรายงานตนต้องคดีอาญากับผู้บังคับบัญชาตามวินัย ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่รับทราบข้อกล่าวหา โดยกองคดีสำนักงานกฏหมายและคดี จะเป็นผู้จัดทำรายงานเสนอ ผบ.ตร.เพื่อรับทราบ เนื่องจากว่า ตามคำสั่งล่าสุดของนายกรัฐมนตรีให้บิ๊กโจ๊กไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนเดิมจากทางสังกัดเดิม ดังนั้นบิ๊กโจ๊ก จึงต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัยของตำรวจ

จากนั้นก็จะต้องกรรมการสอบข้อเท็จ หรือสอบสวนพิจารณาทางวินัยร้ายแรง โดยพิจารณาว่า หากผู้ถูกกล่าวหายังปฏิบัติราชการอยู่จะเกิดความเสียหายกับราชการหรือไม่ จากนั้นจะลงความเห็น เสนอออก 3 แนวทาง 1.สำรองราชการ 2.พักราชการชั่วคราว 3.ให้ออกจากราชการไว้ก่อน

แน่นอนแล้วแบบนี้ จะกระทบต่อการขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.หรือไม่ จริงแล้วในทางกฏหมาย คดียังไม่สิ้นสุด บิ๊กโจ๊กยังเป็นผู้บริสุทธิ์ มีสิทธิ์ ถูกเสนอชื่อ เป็น ผบ.ตร ได้ แต่นายกรัฐมนตรีจะเลือกหรือไม่นั้น ขึ้นกับดุลยพินิจ เพราะมีระเบียบมาตรา 60(3) ที่ระบุว่า บุคคลนั้นต้องมีธรรมาภิบาล มีคุณธรรมจริยธรรม ไม่ทำผิดข้อห้ามการพฤติตนของตำรวจ ตรงนี้ต่างหากที่อาจทำให้บิ๊กโจ๊กไม่ได้รับการเสนอชื่อ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง