คดีอาม่าฮวยฟ้องลูกสาวลักทรัพย์ ถอนเงินจากธนาคาร 24 ล้าน ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก 12 ปี ทนายอนันต์ชัยมองเป็นบรรทัดฐานใหม่ ในคดีลักทรัพย์บุพการี
คดีอาม่าฮวย วันนี้ (3 เม.ย.67) ศาลอาญา จังหวัดพระโขนง นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ อาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ เป็นโจทก์ ฟ้องลูกสาวแท้ๆ นางมาวดี ฐานลักทรัพย์จากการทยอยถอนเงินของอาม่าฮวย จากธนาคาร จำนวน 24,757,400 บาท โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยฉวยโอกาสทยอยถอนเงินในบัญชีธนาคารกว่า 24 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่นๆ จริง ในช่วงที่อาม่าฮวย มีสติไม่สมบูรณ์ อยู่ระหว่างการพักฟื้นรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ศาลให้จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมทุกกระทง เป็นเวลา 12 ปี
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายของอาม่าฮวย เปิดเผยว่า จำเลยขอต่อสู้ในข้อกฎหมาย ประเด็นว่าคดีลักทรัพย์บุพการี เป็นคดียอมความได้ รวมถึงจะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน ซึ่งทางอาม่าก็ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน คดีจึงไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุกนางมาวดี 12 ปี โดยไม่รอลงอาญา และยังถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ไม่เคยมีฎีกามาก่อน ในคดีเกี่ยวกับการลักทรัพย์บุพการี ที่จะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน ซึ่งก็ได้แจ้งผลคำพิพากษาให้อาม่าฮวยทราบแล้ว อาม่าดีใจมาก และไม่มีความกังวลใดๆ
อย่างไรก็ตาม นอกจากคดีนี้แล้ว คดีของอาม่าฮวยยังมีอีกสำนวน ซึ่งเป็นสำนวนใหญ่ คือสำนวนที่พนักงานอัยการและอาม่าฮวย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางมาวดี บุตรสาว และพนักงานธนาคารอีก 4 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ์ และใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม จากกรณีร่วมกันปลอมใบคำขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลบัญชีธนาคาร เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกถอนเงินจากการลงลายมือชื่อเป็นการพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อทยอยถอนเงินและกองทุนรวม 238 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนางมาวดี 20 ปี ไม่รอลงอาญา และให้ใช้เงินคืนให้ผู้เสียหายกว่า 123 ล้านบาท ส่วนนางทิพย์ภาพร จำเลยที่ 4 พนักงานธนาคารและคนสนิทของนางมาวดี ที่ร่วมกันประทับลายนิ้วมือของอาม่าฮวย ให้จำคุก 2 ปี ส่วนจำเลยที่เหลือให้ยกฟ้อง
ทนายอนันต์ชัย บอกว่า คดี 238 ล้าน ยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ แต่จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีในประเด็นข้อกฎหมายเดียวกัน จึงเชื่อว่าคำพิพากษาในวันนี้จะส่งผลไปถึงคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีดังกล่าวด้วย
ส่วนคดีแพ่ง อาม่าฮวยก็ชนะคดีเช่นกัน โดยศาลแพ่งพระโขนง ก็สั่งให้ธนาคารและนางมาวดี ชดใช้ทางแพ่งให้อาม่าฮวย เป็นเงิน 207 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระเงินแล้วเสร็จ โดยทางธนาคารได้นำเงินมาวางต่อศาลแล้ว รอเพียงการอุทธรณ์และฎีกาของคดีคุ้มครองผู้บริโภคสิ้นสุด
