ร้องนายกฯ ตรวจ สส.เขต 400 คน เสียภาษีครบถ้วนหรือไม่

ร้องนายกฯ ตรวจ สส.เขต 400 คน เสียภาษีครบถ้วนหรือไม่

View icon 44
วันที่ 7 เม.ย. 2567 | 10.27 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เรืองไกรร้องนายกฯ สอบ สส. เขต 400 คน เสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ รายได้ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งควรนำมาคำนวณเสียภาษี ยกเคส สส. ยื่นรายได้ที่ได้รับจากพรรค 6 แสนบาท ข้อมูลจากก้าวไกล ยังบอกมี สส.เขตได้รับเงินบริจาคจากประชาชน

วันนี้ (7 เม.ย. 67) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เรียกร้องให้นายกรัฐมตรีตรวจ สส.เขต 400 คน ว่ามีการเสียภาษีครบถ้วน หรือไม่โดยระบุว่า จากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 มี สส.เขต 400 คน ซึ่งส่วนหนึ่งเคยเป็น สส. สมัยที่แล้ว และอีกส่วนหนึ่งเป็น สส.ใหม่ ซึ่งทั้งหมดมีเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มต่อปี ประมาณคนละ 1,362,720 บาท ซึ่งตนได้ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. ทั้งสภาฯ ส่วนใหญ่เก่ง ๆ ทั้งนั้น เห็นได้จากการอภิปรายในสภา การตั้งกระทู้ การประท้วง การทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการต่าง ๆ ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่า สส. ทุกคนต้องรู้จักรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 (9) ที่ระบุว่า บุคคลมีหน้าที่เสียภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัติ

นายเรืองไกร บอกว่า ตนเพิงได้รับหนังสือที่ ปช 0017/0252 ลงวันที่ 4 เม.ย. 67 แจ้งผลการตรวจสอบว่า คู่สมรสอธิบดีคนหนึ่งได้นำเงินได้ที่ได้รับในปี 2564 ไปยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อกรมสรรพากรครบถ้วนแล้ว หนังสือ ป.ป.ช. ดังกล่าว จึงเป็นแนวทางในการตรวจสอบ สส. เขตทั้ง 400 คน ว่าได้นำเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตลอดปี 2566 ไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่กรมสรรพากรภายในเดือน มี.ค.67 โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ทั้งนี้ หมายความรวมถึงเงินได้ที่ได้รับมาในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 ด้วย

นายเรืองไกร บอกด้วยว่า หลักฐานที่นำมาตรวจสอบจึงมาจาก 2 แหล่ง คือ 1. รายได้ที่ได้รับมาในการเลือกตั้ง สส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ สส.เขตแต่ละคนจะต้องแจ้งต่อ กกต. ภายในวันที่ 15 ส.ค. 2566 และ 2. จากบัญชีแสดงรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 รวมทั้งหลักฐานจากแหล่งอื่น เช่น เว็บไซต์ของพรรคการเมือง

“จากการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. พบว่า มี สส. คนหนึ่ง ยื่นรายได้ที่ได้รับจากพรรคการเมือง 600,000 บาท แต่ไม่พบในรายอื่น ๆ ทั้งที่มีข้อมูลจากพรรคก้าวไกลที่เปิดเผยว่า มี สส.เขตได้รับเงินบริจาคจากประชาชนด้วย ดังนั้น จึงมีเหตุในการตรวจสอบ สส. เขต ทั้ง 400 คนว่า มีรายได้ที่ได้มาในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง หรือไม่ เท่าใด ซึ่งควรตรวจสอบหาหลักฐานเรื่องเงินได้ที่ใช้ในการหาเสียงได้จาก กกต. ด้วย และแจ้งรายได้นั้นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบต่อไปด้วย” นายเรืองไกร ระบุ

นายเรืองไกร กล่าวว่า เงินได้ที่ได้มาเพื่อใช้ในการหาเสียง ควรถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) ดังนั้น ซึ่งควรนำมารวมคำนวณเสียภาษีให้รัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ หากคิดเฉลี่ยจากเงินได้ที่ไม่ได้นำมาเสียภาษีเฉลี่ยคนละ 300,000 บาท รวม 400 คน รัฐก็น่าจะประเมินเก็บภาษีรวมเบี้ยปรับสองเท่าได้ประมาณ 90 ล้านบาท และ สส.จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายคงไม่ได้

นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องนี้จึงต้องร้องไปที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบภาษีเงินได้ของ สส.เขตทั้ง 400 คนต่อไปโดยเร็ว หากนายกฯ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการตรวจสอบ ก็อาจมีความผิดตาม ป.อาญามาตรา 154 ตามมาได้ ตนจึงส่งหนังสือพร้อมพยานหลักฐานให้นายกฯ เพื่อขอให้ตรวจสอบภาษี สส.เขตทั้ง 400 คน ไปทางไปรษณีย์ EMS แล้ว 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง