นายกฯตั้งเป้าผลักดันเกาะสมุยติด TOP 10 การท่องเที่ยวครบวงจร

นายกฯตั้งเป้าผลักดันเกาะสมุยติด TOP 10 การท่องเที่ยวครบวงจร

View icon 467
วันที่ 7 เม.ย. 2567 | 13.42 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นายกฯ ตรวจความคืบหน้าท่าเรือสำราญ เกาะสมุย ตั้ง KPI กรมเจ้าท่า - ก.ท่องเที่ยว นำเรื่องเข้า ครม.ก่อนสิ้นปี 67 หวังเป็นของขวัญปีใหม่ พร้อมตั้งเป้าผลักดันเกาะสมุยติด TOP 10 การท่องเที่ยวครบวงจร

(7 เม.ย.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ ณ แหลมนิคม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดยนายกรัฐมนตรีได้รับฟังรายงานความคืบหน้าของโครงการฯ จากนายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า และความเป็นมาของโครงการฯ รวมไปถึงสถานการณ์การขนส่งทางน้ำในจังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการเปิดการขายสินค้าแบบดิวตี้ฟรี หรือเขตสินค้าปลอดอากร รวมไปถึงการจัดทำ Marina และจุดจอดเครื่องบินน้ำ (Sea plane) ซึ่งมองว่าจะทำให้เชื่อมโยงการท่องเที่ยวครบวงจร และสร้างรายได้มากขึ้น พร้อมได้ตั้ง KPI ให้กรมเจ้าท่า ต้องนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ได้ก่อนปลายปี 2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องชาวเกาะสมุย พร้อมกับมอบหมายให้นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกสล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้เกาะสมุยเป็นการท่องเที่ยวครบวงจรติด Top 10 ของโลก

สำหรับโครงการก่อสร้างถ้าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่เกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเรือใหญ่ไม่สามารถ เข้าเทียบท่าที่เกาะสมุยได้ จึงต้องไปจอดกลางทะเล และต่อเรือเล็กเข้ามายังเกาะ กรมเจ้าท่าจึงเสนอโครงการฯ ขึ้นมา ซึ่งเป็นโครงการบนพื้นที่ 47-3-6 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ และเอกชนบางส่วน ประกอบด้วยสะพานขึง อาคารบริการและที่จอดรถ ถนนสาธารณะ อาคารผู้โดยสาร 3 ชั้นและท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ และเรือยอร์ช มูลค่าลงทุน และค่าใช้จ่ายตลอดโครงการ จำนวน 12,172 ล้านบาท โดยจะให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนของรัฐและเพิ่มความคุ้มค่าในการดำเนินงาน 1,280 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามท่าเทียบเรือฯ ดังกล่าวจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยว 180,000 คนต่อปี รองรับเรือขนาดใหญ่ (Cruise) 120 เที่ยวเรือต่อปี และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวใช้จ่าย 5,000 บาทต่อคน

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นดำเนินการ และเสนอโครงการ ปี 2567-2570 พร้อมศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมขนาดใหญ่ (EHIA) และการลงทุนร่วมกับเอกชน (PPP) ในปี 2568 ใช้เวลาก่อสร้างตั้งแต่ ปี 2570-2572 ระยะเวลา 3 ปี และพร้อมให้บริการในปี 2572 โดยมีสัญญาเบื้องต้น 30 ปี

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร่วมถ่ายรูปกับประชาชนที่มารอต้อนรับ พร้อมระบุว่าการลงพื้นที่ของตนเองในวันนี้ไม่ใช่การพูดลอยๆ แต่จะจะต้องมีจุดหมายที่ชัดเจน โดยขอให้ สส. ในพื้นที่ช่วยกันโพรโมตเกาะสมุย หลังการสร้างท่าเรือแล้ว ควรจะเชื่อมโยงการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม เข้าด้วยกัน เพราะสมุย เพราะนอกจากจะมี พระอาทิตย์ ชายหาด ทะเล ก็มีเรื่องของวัฒนธรรม ที่จะมาดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภูมิทัศน์ ซึ่งอยากให้นักท่องเที่ยวมาอยู่ให้นานมากขึ้น ซึ่งจำนวน จำนวนคนที่มาท่องเที่ยวไม่สำคัญ เท่ากับระยะเวลาที่มาอยู่ หากอยู่นานขึ้นก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นเมื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนับหมื่นล้านบาท  ก็อยากให้นักท่องเที่ยวได้อยู่นานๆ จึงอยากฝากให้ สส. ร่วมมือกับภาคการท่องเที่ยวช่วยในเรื่องนี้ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง